แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยเจรจาซื้อขายกระดาษโดยตกลงกันว่าจะต้องมีการทำสัญญาซื้อขาย โจทก์พิมพ์สัญญาหมาย จ.56 มาให้จำเลยลงนาม แต่จำเลยขอแก้รายละเอียดเป็นสัญญาหมาย จ.57สัญญาตัวจริงจึงเป็นสัญญาหมาย จ.57 สัญญาหมาย จ.56ซึ่งโจทก์นำมาฟ้องเป็นเพียงร่างที่จำเลยไม่ได้ลงนามเป็นคู่สัญญา จึงถือว่าไม่มีการทำสัญญาหมาย จ.56 ที่โจทก์อ้างมาเป็นหลักแห่งข้อหา โจทก์จะกล่าวหาว่าจำเลยผิดสัญญาที่นำมาฟ้องนั้นไม่ได้
แม้กฎหมายจะกำหนดวิธีการซื้อขายไว้หลายอย่างก็ตามเมื่อคู่สัญญาตกลงจะทำกันโดยวิธีทำเป็นหนังสือสัญญา จะนำเอาวิธีอื่นเช่นการส่งมอบหรือชำระราคาบางส่วนมาวินิจฉัยว่าเป็นข้อตกลงจะซื้อขายกันแล้วโดยสมบูรณ์หาได้ไม่
(อ้างฎีกาที่ 1541/2509 และ 520/2520)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยทำสัญญาซื้อขายกระดาษกันและโจทก์ส่งกระดาษให้จำเลยรับไว้บ้างแล้ว ต่อมาจำเลยผิดนัดไม่ชำระเงินค่ากระดาษและค่าระวางบรรทุกที่เพิ่มขึ้น จึงขอให้ศาลพิพากษาบังคับ
จำเลยให้การต่อสู้คดีหลายประการ รวมทั้งต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้ทำสัญญาซื้อขายตามที่โจทก์นำมาฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ข้อเท็จจริงปรากฏจากคำเบิกความของนายเทิจ วินสดัล กรรมการผู้จัดการทั่วไปของบริษัทโจทก์ว่า ตัวแทนโจทก์ จำเลยเจรจาซื้อขายกระดาษกันที่กรุงเทพมหานคร ครั้งสุดท้ายปลายเดือนธันวาคม 2516ตกลงกันในหลักการใหญ่ว่า จะต้องมีการทำสัญญาซื้อขายกันจึงได้มีการร่างสัญญาแล้วให้ฝ่ายโจทก์นำร่างกลับไปประเทศนอรเวเพื่อจัดพิมพ์สัญญาที่สมบูรณ์ส่งมาให้จำเลยลงนามในกรุงเทพมหานคร แล้วส่งสัญญาคืนโจทก์ที่ประเทศนอรเว โจทก์พิมพ์สัญญาที่สมบูรณ์ส่งมาให้จำเลยลงชื่อตามเอกสารหมาย จ.56 คือเอกสารท้ายฟ้องซึ่งเป็นสัญญาหลักกับส่งสัญญาย่อยที่จำเลยซื้อกระดาษงวดแรก 3,400 เมตริกตันมาให้จำเลยลงชื่ออีกฉบับหนึ่งดังเอกสารหมาย จ.83 แต่จำเลยขอแก้รายละเอียดในร่างสัญญาหมาย จ.56 เป็นสัญญามีรายละเอียดดังเอกสารหมาย จ.57 สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยตัวจริงจึงทำกันขึ้นตามเอกสารหมาย จ.57 ส่วนสัญญาท้ายฟ้องหมาย จ.56 เป็นเพียงร่างที่จำเลยไม่ได้ลงนามเป็นคู่สัญญาด้วย และสัญญาหมาย จ.57 นั้น ทำขึ้นปลายเดือนมีนาคม2517 แต่ลงวันที่ย้อนหลังเป็นวันที่ 20 ธันวาคม 2516เพื่อให้คลุมไปถึงการที่จำเลยสั่งซื้อกระดาษไปแล้วทั้งหมดถ้าลูกค้าเพียงแต่เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตสั่งซื้อสินค้า บริษัทโจทก์จะไม่ยอมขายสินค้าให้ เพราะธรรมเนียมการค้าต้องทำสัญญากันก่อน จากคำเบิกความของพยานดังกล่าวประกอบกับพฤติการณ์ที่โจทก์ติดต่อขายสินค้าซึ่งเป็นของผู้อื่นให้จำเลยและรายละเอียดข้อตกลงมีหลายประการ โจทก์ส่งกระดาษมาให้จำเลยต่อเมื่อมีสัญญากันเป็นหลักฐานแล้ว จึงฟังได้ว่าการซื้อขายระหว่างโจทก์จำเลยอันมุ่งจะทำต่อกันนั้นต้องทำสัญญาเป็นหนังสือเสียก่อน ดังจะเห็นว่า ได้มีการทำหนังสือสัญญาจะซื้อขายสินค้ารายนี้กันอยู่แล้วตามเอกสารหมาย จ.57 ให้มีผลบังคับตั้งแต่ที่พูดตกลงกันไว้ในครั้งสุดท้ายเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2516 และหนี้ตามฟ้องไม่ว่าจะเป็นราคากระดาษค้างชำระหรือราคากระดาษกับค่าระวางบรรทุกที่เพิ่มขึ้น โจทก์อ้างข้อเรียกร้องจากสัญญาทั้งสิ้น ความผูกพันของโจทก์จำเลยในกรณีนี้ต้องวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 366 วรรคสอง แม้กฎหมายจะกำหนดวิธีการซื้อขายไว้หลายอย่างก็ตาม เมื่อคู่สัญญาตกลงจะทำกันโดยวิธีทำเป็นหนังสือสัญญาจะนำเอาวิธีอื่น เช่น การส่งมอบหรือชำระราคาบางส่วนมาวินิจฉัยว่าเป็นข้อตกลงจะซื้อขายกันแล้วโดยสมบูรณ์หาได้ไม่ เมื่อจำเลยมิได้ลงลายมือชื่อในสัญญาจะซื้อขายที่โจทก์นำมาฟ้อง สัญญาดังกล่าวไม่ผูกพันจำเลยและโจทก์มิได้ฟ้องจำเลยตามสัญญาที่ทำผูกพันกันไว้ต้องถือว่าไม่มีการทำสัญญาจะซื้อขายฉบับที่โจทก์อ้างมาเป็นหลักแห่งข้อหา โจทก์จะกล่าวหาว่าจำเลยผิดสัญญาที่นำมาฟ้องนั้นไม่ได้ ส่วนที่โจทก์ส่งมอบกระดาษให้จำเลยไปแล้ว และจำเลยได้ชำระราคากระดาษให้โจทก์ไปแล้วนั้น สิทธิของโจทก์ที่จะเรียกเอากระดาษที่ส่งมอบไปแล้วคืน หรือสิทธิของจำเลยที่จะเรียกร้องจำนวนเงินที่ชำระไปแล้วคืนก็เป็นเรื่องที่จะต้องไปว่ากล่าวกันเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหากศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยไว้ไม่ถูกต้องด้วยบทกฎหมายที่กล่าวข้างต้น เรื่องเช่นนี้ศาลฎีกาเคยพิพากษาเป็นบรรทัดฐานไว้แล้วดังเช่นคำพิพากษาฎีกาที่ 1541/2509 คดีระหว่างนางธนิต กำเนิดเพชร โจทก์ นางผิน สอนสิงห์ที่ 1 นางสุมาลี เก่งสกุล ที่ 2 จำเลย และคำพิพากษาฎีกาที่ 520/2520 คดีระหว่างบริษัท เค.ซี.ซีเทีย (1944) จำกัด โดยนายจอห์น วิลเลียม แฮนค๊อก ผู้รับมอบอำนาจ โจทก์ ห้างหุ้นส่วนจำกัดทวีพืชผล กับพวก จำเลยเป็นต้น ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนจำเลย กำหนดค่าทนายความทั้งสามศาล 80,000 บาท