คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2866/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาหาว่า จำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค และต่อมาได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งให้รับผิดใช้เงินตามเช็คนั้น คดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องนี้มิใช่เป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา จะนำข้อเท็จจริงในคดีอาญาซึ่งถึงที่สุดแล้วมาชี้ขาดตัดสินโดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46 ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้สั่งจ่ายเช็คให้โจทก์ ๒ ฉบับเพื่อชำระหนี้คือ เช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขานครปฐม (ระบุเลขที่ วันที่ และจำนวนเงิน) ต่อมาโจทก์ขายเช็คทั้งสองฉบับให้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัดสำนักงานใหญ่ แต่ได้นำมาคืนให้แก่โจทก์หลังจากเรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้โจทก์จึงกลับเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบอีก ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า เช็ค ๒ ฉบับนั้นจำเลยจ่ายให้โจทก์ล่วงหน้าเพื่อสั่งซื้อรถจักรยานยนต์ แต่โจทก์ส่งให้จำเลยไม่ได้ โจทก์จำเลยจึงมิได้มีมูลหนี้ต่อกันตามเช็ค โจทก์ได้นำเช็ค ๒ ฉบับนี้ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาต่อศาลจังหวัดนครปฐมในคดีดำที่ ๑๕๑๗/๒๕๑๑ ความจริงจำเลยเป็นหนี้โจทก์ค่าเครื่องอะไหล่รถจักรยานยนต์เพียง ๑๒,๐๐๐ บาท
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยออกเช็ค ๒ ฉบับเพียงเป็นประกันสั่งซื้อรถ โจทก์ไม่ได้ส่งรถให้จำเลย มูลหนี้ตามเช็คจึงไม่มีหนี้ค่าอะไหล่ที่จำเลยให้การถึงโจทก์ไม่ได้ฟ้องเรียกพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เช็คทั้ง ๒ ฉบับโจทก์ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาศาลจังหวัดนครปฐมฟังข้อเท็จจริงว่า คดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยออกเช็คให้โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้และพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยออกเช็คให้โจทก์เพื่อค้ำประกันการสั่งซื้อรถ พิพากษายืน คดีถึงที่สุดแล้วสำหรับคดีนี้ต้องฟังข้อเท็จจริงตามคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๖ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เช็ค ๒ ฉบับนี้ โจทก์ฟ้องเป็นคดีอาญาหาว่า จำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ฯลฯ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็คอันเป็นสิทธิเรียกร้องโดยไม่ต้องอาศัยมูลความผิดทางอาญา ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค คดีนี้จึงไม่ใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาที่กล่าวข้างต้น จะนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๖ มาใช้บังคับไม่ได้ที่ศาลอุทธรณ์ได้ถือเอาข้อเท็จจริงในคดีอาญามาชี้ขาดตัดสินคดีนี้เป็นการคลาดเคลื่อน ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะต้องวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานในสำนวนนี้ต่อไป
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่

Share