คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2862/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การเป็นบิดากับบุตรระหว่างนาย บ. กับผู้ร้องมีอยู่แล้วในวันที่ 16 ตุลาคม 2519 ซึ่งเป็นวันที่บทบัญญัติ บรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ได้ตรวจชำระใหม่ใช้บังคับ จึงนำบทบัญญัติบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ตรวจชำระใหม่มาใช้บังคับ หาได้ ไม่
ปัญหาว่าการฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรจะต้องฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันที่บุตรบรรลุนิติภาวะนั้นศาลจะหยิบยกขึ้นพิจารณาได้ก็ต่อเมื่อผู้คัดค้านได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้มิฉะนั้นคดีไม่มีประเด็นข้อนี้

ย่อยาว

ผู้ร้องร้องว่า เมื่อประมาณ 36 ปีมาแล้ว นายบัวภาได้นางผายอยู่กินเป็นสามีภริยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส มีบุตร 1 คนคือผู้ร้องต่อมาเมื่อเดือนตุลาคม 2521 นายบัวภาถึงแก่กรรมมีมรดกคือที่ดิน 2 แปลงผู้ร้องมีเหตุขัดข้องในการรับมรดก จึงขอให้ศาลมีคำสั่งว่า ผู้ร้องเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายบัวภา เพื่อสิทธิรับมรดกต่อไป

ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านว่า ผู้คัดค้านเป็นพี่ของนายบัวภา ผู้ร้องมิใช่เป็นบุตรของผู้ตาย ขอให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่า ผู้ร้องเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายบัวภาผู้ตาย

ผู้คัดค้านฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ผู้คัดค้านฎีกาว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องหลังจากมีพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติ บรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ได้ตรวจชำระใหม่ คดีของผู้ร้องจึงน่าจะต้องใช้บทบัญญัติที่ได้ตรวจชำระใหม่ตามมาตรา 1556 วรรคสาม บังคับแก่คดีนั้น เห็นว่า ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 5แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พุทธศักราช 2519 บัญญัติว่า “บทบัญญัติบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่ท้ายพระราชบัญญัตินี้ ไม่กระทบกระเทือนถึงความสมบูรณ์ของการหมั้น การสมรส สัญญาก่อนสมรส การเป็นบิดามารดากับบุตร ฯลฯ ที่ได้อยู่แล้วในวันใช้บังคับบทบัญญัติบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่ท้ายพระราชบัญญัตินี้” การเป็นบิดามารดากับบุตรของนายบัวภากับผู้ร้องคดีนี้มีอยู่แล้วในวันที่ 16 ตุลาคม 2519 ซึ่งเป็นวันที่บทบัญญัติบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่ใช้บังคับ จึงจะนำบทบัญญัติบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่มาปรับแก่คดีดังข้อฎีกาของผู้คัดค้านหาได้ไม่ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2276/2521) และศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องการฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรที่ว่าผู้ร้องจะต้องฟ้องเสียภายในหนึ่งปีนับแต่วันบรรลุนิติภาวะนั้น ศาลจะหยิบยกขึ้นพิจารณาได้ก็ต่อเมื่อผู้คัดค้านได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ เมื่อมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ คดีจึงไม่มีประเด็นเรื่องนี้

พิพากษายืน

Share