แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเคยต้องโทษมาแล้ว 2 ครั้งฐานลักทรัพย์พ้นโทษเมื่อ 5 มิ.ย. 94 และ 7 มิ.ย. 95 ตามลำดับแล้วมาต้องโทษครั้งหลังฐานลักทรัพย์อันเป็นเหตุร้าย ในคดีนี้อีกย่อมถือได้ว่าจำเลยมีสันดานเป็นผู้ร้ายตามความประสงค์ของพระราชบัญญัติกักกัน
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องจำเลยรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตาม กฎหมายอาญา มาตรา 293 1 ปีเพิ่มโทษตาม มาตรา 721 ใน 3 เป็น 1 ปี 4 เดือนลดโทษตาม มาตรา 59 กึ่งหนึ่งคงจำคุก 8 เดือน และให้ส่งจำเลยไปกักกันตามพระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ.2479 มาตรา 4, 8, 9 มีกำหนด 3 ปี
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกโทษกักกัน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยควรยกเว้นการส่งตัวไปกักกัน กรณีไม่เข้า มาตรา 8 แห่ง พระราชบัญญัติกักกันฯ
ศาลฎีกาเห็นว่าใจความ (ตาม มาตรา 8) ที่บัญญัติว่าถ้าผู้ใดเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้งนั้นหมายความว่าถ้าผู้ใดเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้วตั้งแต่ 2 ครั้งหรือกว่า 2 ครั้งขึ้นไป ก็เรียกได้ว่าไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาให้จำคุกฐานลักทรัพย์มาแล้ว 2 ครั้ง แล้วมาต้องคำพิพากษาให้จำคุกเพราะได้กระทำความผิดอาญาฐานลักทรัพย์อันเป็นเหตุร้ายในคดีนี้อีกกรณีจึงตกอยู่ในบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. 2479 มาตรา 8
จึงพิพากษายืน