คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2861/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การยักย้ายหรือทำลายหลักเขตจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 363 ก็ต่อเมื่อหลักหรือเครื่องหมายเขตนั้นเป็นหลักหรือเครื่องหมายเขตที่แสดงสิทธิแห่งอสังหาริมทรัพย์โดยแท้จริง การถอนหลักไม้ที่จ่าศาลปักไว้ในการรังวัดอันเป็นหลักหรือเครื่องหมายเขตที่ทำขึ้นเป็นสังเขปเพื่อประโยชน์ในการทำแผนที่พิพาท ไม่เป็นความผิดตามมาตราดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองทำลายหลักเขตแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์ที่จ่าศาลจังหวัดชัยภูมิได้ทำไว้ แล้วบุกรุกเข้าไปทำสวนปอในที่ดินของโจทก์ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒, ๓๖๓, และ ๘๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้รับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณา
จำเลยที่ ๑ ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ ๒ โจทก์ได้ขอถอนฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าจำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒, ๓๖๓ ให้ลงโทษตามมาตรา ๓๖๓ ซึ่งเป็นบทหนักตามมาตรา ๙๐ ปรับจำเลย ๕๐๐ บาท
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ในปัญหาเรื่องความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ถนัดว่า ที่ดินซึ่งโจทก์หาว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปปลูกปอเป็นที่ดินของโจทก์ กรณีเป็นเรื่องที่ยังโต้แย้งกันอยู่ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของผู้ใดซึ่งจะต้องว่ากล่าวกันในทางแพ่ง การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒
ส่วนในปัญหาเรื่องความผิดฐานทำลายหลักเขตนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าแม้จะปรากฏว่าจำเลยได้ถอนหลักไม้ที่จ่าศาลปักไว้ในการรังวัดหลักเขตแล้วนำไปแจ้งที่สถานีตำรวจก็ตาม การยักย้ายหรือทำลายหลักเขตจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๓ ก็ต่อเมื่อหลักหรือเครื่องหมายเขตนั้น เป็นหลักหรือเครื่องหมายเขตที่แสดงสิทธิแห่งอสังหาริมทรัพย์โดยแท้จริง มิใช่หลักหรือเครื่องหมายเขตที่ทำขึ้นเป็นสังเขปเพื่อประโยชน์ในการทำแผนที่พิพาทอย่างเช่นคดีนี้
พิพากษากลับ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นให้ยกฟ้องโจทก์

Share