คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2501/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำการลักทรัพย์ยังไม่บรรลุผลเป็นเพียงขั้นพยายามลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1)(7),80ให้จำคุกจำเลย 2 ปี 8 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดสำเร็จแล้วไม่ใช่พยายามกระทำผิด แต่คงให้จำคุกเท่าเดิม การที่ศาลอุทธรณ์เพียงแต่พิพากษาแก้ในปัญหาเรื่องขั้นของการกระทำผิดว่ายังอยู่ในขั้นพยายามหรือว่าเป็นความผิดสำเร็จแล้วโดยไม่ได้แก้โทษเช่นนี้ เป็นการแก้ไขเล็กน้อย จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับนายวินัย สุขเจริญ เยาวชนซึ่งอยู่ในอำนาจศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง ได้ร่วมกันลักเอาสายเคเบิลของบริษัทส่งเสียงทางสาย จำกัด ซึ่งเป็นทรัพย์ที่มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ โดยจำเลยกับพวกตัดเอาไปจากที่ขึงอยู่ตามถนน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 345 (1) (7) (10), 83 คืนของกลางแก่เจ้าทรัพย์

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า เจ้าพนักงานตำรวจจับนายวินัย สุขเจริญ ในขณะที่กำลังม้วนสายเคเบิลที่ถูกตัด ยังไม่เสร็จการกระทำยังไม่บรรลุผล จึงเป็นเพียงชั้นพยายามลักทรัพย์ จำเลยไปยืนร่วมกับนายวินัยก่อนนายวินัยลักทรัพย์ แล้ววิ่งหนีไปด้วยกันแสดงว่ามีเจตนาร่วมกันลักทรัพย์ จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามลักทรัพย์เวลากลางคืนแต่สายเคเบิลของบริษัทส่งเสียงทางสาย จำกัดไม่ใช่ทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ จึงให้จำคุกจำเลย 2 ปี 8 เดือน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(7) ประกอบด้วยมาตรา 80 คืนของกลางแก่เจ้าทรัพย์ คำขออื่นให้ยก

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า นายวินัย สุขเจริญ ขึ้นต้นหางนกยูงไปตัดสายเคเบิลขาดแล้วลงมาม้วนสายเคเบิลนั้นอยู่ พอเจ้าพนักงานตำรวจวิ่งไปจับ นายวินัยกับจำเลยก็พากันวิ่งหนีไป ถือได้ว่าการกระทำการลักทรัพย์รายนี้บรรลุผลแล้ว โดยจำเลยร่วมกระทำผิดด้วย พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1) (7), 83คงให้จำคุกจำเลย 2 ปี 8 เดือน เท่าเดิม

จำเลยฎีกาว่า ไม่ได้กระทำผิด ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นสั่งรับโดยเห็นว่าศาลอุทธรณ์แก้บทลงโทษจำเลย เป็นการแก้ไขมาก

ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำการลักทรัพย์ยังไม่บรรลุผล เป็นเพียงชั้นพยายาม ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 (1) (7) ประกอบด้วยมาตรา 80 ให้จำคุกจำเลย 2 ปี 8 เดือนศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดสำเร็จแล้วไม่ใช่พยายามกระทำผิด แต่คงให้จำคุกเท่าเดิม การที่ศาลอุทธรณ์เพียงแต่พิพากษาแก้ไขปัญหาเรื่องขั้นของการกระทำผิดว่ายังอยู่ในชั้นพยายามหรือว่าเป็นความผิดสำเร็จแล้ว โดยมิได้แก้โทษเช่นนี้เป็นการแก้ไขเล็กน้อยจำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย พิพากษาให้ยกฎีกาจำเลยเสีย

Share