แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นภรรยาของผู้ตายโดยมิได้จดทะเบียนสมรส จำเลยจึงมิใช่ภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย อันจะถือว่าเป็นทายาทโดยธรรมที่จะมีสิทธิรับมรดกของผู้ตายได้ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของผู้ตายจึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1737
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นายตา แน่นชะศรี สามีจำเลยได้ทำสัญญากู้ให้โจทก์ยึดถือไว้ โดยเอาเรือน 1 หลัง กับนาของนายตาเนื้อที่ 30 ไร่เป็นประกันเงินกู้ ปรากฏตามสำเนาหนังสือสัญญาท้ายฟ้อง ต่อมานายตาถูกยิงตาย ทรัพย์มรดกทั้งหมดของนายตาตกอยู่กับจำเลยซึ่งเป็นภรรยาของนายตาตามกฎหมาย โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ของนายตา จำเลยก็เพิกเฉย จึงฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยใช้ต้นเงินพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นภรรยาของนายตา แน่นชะศรี เมื่อ 21 ปีมานี้ โดยมิได้จดทะเบียนสมรส จึงมิใช่ภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายตา นายตาไม่มีทรัพย์สินอะไร ที่ดินที่นายตาและจำเลยครอบครองเป็นของจำเลย บิดามารดาจำเลยยกให้จำเลยก่อนจะได้นายตาเป็นสามี จำเลยมิใช่ทายาทผู้รับมรดกของนายตา โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยต่อสู้ด้วยว่าความจริงนายตาไม่ได้กู้เงินโจทก์ สัญญากู้เป็นโมฆะ และคดีของโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่า นายตาสามีจำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องจริงแต่โจทก์มิได้นำสืบว่านายตามีทรัพย์มรดกอื่นใดบ้างที่จำเลยได้รับหรือเป็นหนี้ร่วม ที่ดินและเรือนที่ประกันหนี้ จำเลยนำสืบได้ว่าบิดามารดาของจำเลยยกให้ จำเลยมิใช่ภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายตา จึงมิใช่ทายาท พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นายตา แน่นชะศรี ผู้ตายเป็นหนี้โจทก์ตามหนังสือสัญญากู้ที่โจทก์ฟ้องจริง และจำเลยเป็นภรรยาของผู้ตายโดยมิได้จดทะเบียนสมรส จำเลยจึงมิใช่ภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายอันจะถือเป็นทายาทโดยธรรมที่จะมีสิทธิรับมรดกของนายตาผู้ตายได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะฟ้องจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1737 ทั้งจำเลยเข้าจัดการทรัพย์มรดกของนายตาโดยพลการ มิใช่โดยพินัยกรรมหรือโดยคำสั่งศาล ที่จะเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกได้ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน