คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 286/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายกับนายจำปาทะเลาะกัน ภรรยาผู้ตายพูดว่านายจำปาจำเลยจึงร้องห้ามไม่ให้เข้าข้างสามีแล้วผู้ตายใช้มีดแทงจำเลย จำเลยวิ่งหนีแต่ก็ถูกชาย 2 คนในบ้านผู้ตายกลุ้มรุมตีและแทงจำเลยอีกจำเลยวิ่งกลับบ้านซึ่งอยู่ห่างจากบ้านผู้ตายประมาณ 1 เส้นเศษเอาปืนมายิงผู้ตายดังนี้ถือได้ว่า จำเลยยิงผู้ตายทันทีทันใดในขณะนั้นโดยบันดาลโทสะเพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตาย 1 นัด โดยเจตนาฆ่าให้ตายและผู้ตายได้ถึงแก่ความตายเพราะพิษบาดแผลสมดังเจตนาของจำเลย

จำเลยให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดดังฟ้อง ต่อมาจำเลยให้การว่าจำเลยถูกผู้ตายและบุตร กับเพื่อนผู้ตายกลุ้มรุมทำร้าย จึงใช้อาวุธปืนยิงไปเพื่อป้องกันตัว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 จำคุก 18 ปี คำให้การของจำเลยชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 12 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า ผู้ตายได้ทำร้ายจำเลยก่อนด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยยิงผู้ตายโดยบันดาลโทสะ พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 72 จำคุก 1 ปี 6 เดือน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า ขณะที่จำเลย ผู้ตาย และนายจำปาเพื่อนจำเลยกับผู้ตายพายเรือกลับบ้าน ผู้ตายและนายจำปาทะเลาะกัน ครั้นมาถึงท่าหน้าบ้านผู้ตาย บุคคลทั้ง 2 ก็ยังคงเถียงกันอยู่ ภรรยาผู้ตายพูดว่านายจำปา จำเลยจึงร้องห้ามไม่ให้เข้าข้างสามี แล้วผู้ตายใช้มีดแทงจำเลย จำเลยวิ่งหนี แต่ก็ถูกชายอีก 2 คนซึ่งอยู่ภายในบ้านผู้ตายกลุ้มรุมตีและแทงจำเลยอีก จำเลยวิ่งกลับบ้านซึ่งอยู่ห่างจากบ้านผู้ตายประมาณ 1 เส้นเศษ เอาปืนมายิงผู้ตาย 1 นัดในขณะที่ผู้ตายยังคงทะเลาะกับนายจำปา ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยวิ่งกลับบ้านเอาปืนมายิงผู้ตายในทันทีทันใด ถือได้ว่าเป็นการกระทำความผิดในขณะนั้นโดยบันดาลโทสะแต่ศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจวางกำหนดโทษจำคุกจำเลยต่ำไปจึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 72 จำคุก 6 ปี คำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 4 ปี ยกฎีกาจำเลย

Share