แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยที่ 2,3 เห็นการกระทำการชิงทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ที่ใช้ปืนขู่ชิงรถจักรยานและไก่ 10 ตัว ของเจ้าทรัพย์ แล้วจำเลยที่ 2,3 ยังรับเอารถจักรยานและไก่ 10 ตัวเอาไปจำหน่ายขายให้แก่ชายแปลกหน้า แล้วนำเงินมาแบ่งระหว่างจำเลยด้วยกัน ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 2,3 จึงมีความผิดฐานรับของโจร
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ใช้ปืนสั้นเป็นอาวุธกระทำการชิงทรัพย์เอารถจักรยาน ๑ คัน กับไก่ ๑๐ ตัว รวมราคา ๔๘๕ บาท ของนายใจ วิญญาปา ไปโดยทุจริต ส่วนจำเลยที่ ๒, ๓ ได้บังอาจรับเอาทรัพย์นั้นนำเอาไปขายเอาเงินแบ่งกัน ขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๑, ที่ ๒, ที่ ๓ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙,๓๕๗ และ ๘๓ กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่เจ้าทรัพย์
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๙ โทษลดแล้วคงจำคุก ๔ ปี จำเลยที่ ๒, ๓ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๗ ลดโทษแล้วคงจำคุก ๒ ปี
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เชื่อว่าจำเลยที่ ๑ ทำการชิงทรัพย์ของเจ้าทรัพย์จริง ส่วนจำเลยที่ ๒,๓ พยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่พอชี้ขาดว่าจำเลยได้กระทำผิดดังฟ้อง จึงพิพากษาแก้เป็นให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ ๒,๓ เสีย และให้จำเลยที่ ๑ ผู้เดียวคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่เจ้าทรัพย์นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่าจำเลยที่ ๒,๓ เห็นการกระทำการชิงทรัพย์ของจำเลยที่ ๑ ชิงรถจักรยานและไก่ ๑๐ ตัวจากเจ้าทรัพย์ แล้วจำเลยที่ ๒,๓ ยังรับเอารถจักรยานและไก่ ๑๐ ตัว เอาไปจำหน่ายและขายให้แก่ชายแปลกหน้า แล้วเอาเงินมาแบ่งระหว่างจำเลยด้วยกัน เช่นนี้ การกระทำของจำเลยที่ ๒,๓ จึงมีความผิดฐานรับของโจรดังโจทก์ฟ้อง พิพากษาแก้คำพิพากษาศาล ศาลอุทธรณ์โดยให้บังคับคดีเกี่ยวกับจำเลยที่ ๒,๓ ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้แล้วให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์