คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2850/2553

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

แม้จำเลยที่ 1 และที่ 2 จะเป็นลูกหนี้ร่วมกันกับจำเลยที่ 3 ซึ่งแต่ละคนจำต้องชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจนสิ้นเชิง แต่ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ขายทอดตลาดนั้นเป็นทรัพย์สินของจำเลยที่ 3 ไม่ได้มีการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ด้วย ทั้งจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ได้มีชื่อตามทะเบียนบ้านในทรัพย์สินที่ยึดดังกล่าว จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินที่ยึดดังกล่าว จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินที่จะขายทอดตลาดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 306 เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงไม่จำต้องแจ้งการขายทอดตลาดให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ทราบก็ได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 2 ที่อ้างว่าการขายทอดตลาดได้ราคาต่ำกว่าที่สมควร โดยเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่กระทำการตรวจสอบให้รอบคอบก่อนเคาะไม้ขายทอดตลาดว่าราคาที่มีผู้เสนอสูงสุดนั้นเพียงพอแล้วหรือไม่ เป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของเจ้าพนักงานบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 ทวิ วรรคสอง คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงเป็นที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 ทวิ วรรคท้าย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 7,804,510.06 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 14.50 ต่อปี จากต้นเงินจำนวน 5,500,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสามออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนกว่าจะครบ แต่จำเลยทั้งสามไม่ชำระหนี้ โจทก์ขอให้บังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 43165 และ 22090 ตำบลจอหอ (บ้านเกาะ) อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3) เลขที่ 456/78 ตำบลหมื่นไวย อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ของจำเลยที่ 2 และยึนที่ดินโฉนดเลขที่ 42612, 42613 และ 42614 ตำบลปรุใหญ่ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ของจำเลยที่ 3 ออกขายทอดตลาดให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ ในราคา 4,150,000 บาท
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องว่า จำเลยทั้งสามไม่ทราบประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 3 เพราะจำเลยทั้งสามไม่ได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 64 หมู่ที่ 6 ตำบลเขาฉกรรจ์ อำเภอเขาฉกรรจ์ จังหวัดสระแก้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดหลักทรัพย์ของจำเลยที่ 3 ในราคาต่ำกว่าความเป็นจริงในท้องตลาดโดยไม่สุจริตหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์จำเลยที่ 3 โดยชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกคำร้อง
ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำคัดค้านว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีมีหนังสือแจ้งจำเลยทั้งสามให้ทราบและปิดประกาศขายทอดตลาดตามสถานที่ต่างๆ เรื่องการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 3 โดยชอบด้วยกฎหมาย และเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์และผู้ซื้อทรัพย์ โดยกำหนดค่าทนายความโจทก์และผู้ซื้อทรัพย์คนละ 1,500 บาท
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัยประการแรกว่า การส่งประกาศขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า แม้จำเลยที่ 1 และที่ 2 จะเป็นลูกหนี้ร่วมกันกับจำเลยที่ 3 ซึ่งแต่ละคนจำต้องชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจนสิ้นเชิง แต่ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ขายทอดตลาดนั้นเป็นทรัพย์สินของจำเลยที่ 3 ไม่ได้มีการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ด้วย ทั้งจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้มีชื่อตามทะเบียนในทรัพย์สินที่ยึดดังกล่าวแต่อย่างใด จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 จึงไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินที่จะขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 306 เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงไม่ต้องแจ้งการขายทอดตลาดให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ทราบก็ได้ ส่วนจำเลยที่ 3 นั้นเจ้าพนักงานบังคับคดีส่งประกาศขายทอดตลาดไปยังบ้านเลขที่ 64 หมู่ที่ 6 ตำบลเขาฉกรรจ์ อำเภอเขาฉกรรจ์ จังหวัดสระแก้ว ซึ่งจำเลยที่ 3 มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเลขที่ดังกล่าวตามแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎรเอกสารหมาย ค.4 โดยมีนางดาวเรือง ซึ่งเป็นบุคคลอายุเกินกว่า 20 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านเลขที่ดังกล่าวเต็มใจรับไว้แทน ตามรายงานการเดินหมายเอกสารหมาย ค.13 จึงถือได้ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีส่งหมายให้แก่จำเลยที่ 3 ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 76 แล้ว ส่วนข้อโต้แย้งของจำเลยที่ 2 ว่า การขายทอดตลาดได้ราคาต่ำกว่าที่สมควร โดยเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่กระทำการตรวจสอบให้รอบคอบก่อนเคาะไม้ขายทอดตลาดว่า ราคาที่มีผู้เสนอสูงสุดนั้นเพียงพอแล้วหรือไม่ เป็นความประมาทเลินเล่อย่างร้ายแรงของเจ้าพนักงานบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ วรรคสอง ซึ่งศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 2 แล้วนั้น โดยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ วรรคท้าย ระบุให้คำสั่งดังกล่าวถึงที่สุด จำเลยที่ 2 จึงไม่อาจอุทธรณ์หรือฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นในเรื่องนี้ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ในข้อนี้นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share