คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2850/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 อายุ 17 ปี อยู่ในความปกครองของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นบิดามารดา จำเลยที่ 1 ขับรถแทรกเตอร์ของโจทก์เข้าไปดับไฟซึ่งลุกไหม้ที่ไร่อ้อยเป็นเหตุให้รถแทรกเตอร์ของโจทก์ถูกไฟไหม้เสียหาย แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 เคยเห็นจำเลยที่ 1 ขับรถแทรกเตอร์ของโจทก์มาก่อนและมิได้ว่ากล่าวห้ามปรามก็ตามการขับรถแทรกเตอร์ของจำเลยที่ 1 ที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 รู้เห็นและมิได้ห้ามปรามนั้นเป็นการขับรถแทรกเตอร์ตามปกติ แต่การกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1ในคดีนี้เป็นการขับรถแทรกเตอร์ของโจทก์เข้าไปดับไฟ โดยรถแทรกเตอร์ของโจทก์มิได้มีไว้เพื่อใช้ในการดับไฟ เป็นการใช้รถแทรกเตอร์ของโจทก์ผิดจากปกติ หาใช่การขับรถที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 มิได้ว่ากล่าวห้ามปรามไม่ ทั้งขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ที่ 3 อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุถึง1 กิโลเมตรเศษย่อมไม่อาจห้ามปรามมิให้จำเลยที่ 1 ขับรถเข้าไปดับไฟได้ และการที่ไฟไหม้ไร่อ้อยเป็นเหตุเกิดขึ้นโดยปัจจุบัน จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่อาจคาดหมายและกำชับล่วงหน้ามิให้จำเลยที่ 1 ขับรถเข้าไปดับไฟ ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลจำเลยที่ 1แล้ว จำเลยที่ 2 ที่ 3ไม่ต้องรับผิดในการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นบุตรจำเลยที่ 2 ที่ 3 และอยู่ในความปกครองของจำเลยที่ 2 ที่ 3 จำเลยที่ 1 ขับรถแทรกเตอร์ของโจทก์เข้าไปดับไฟซึ่งไหม้ไร่อ้อยที่อยู่ติดกับไร่จำเลย เป็นเหตุให้รถแทรกเตอร์ของโจทก์ถูกไฟไหม้เสียหายขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยที่ 1 มิได้ขับรถแทรกเตอร์ของโจทก์เข้าไปดับไฟ จำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรที่บิดามารดาทั่วไปพึงกระทำ โจทก์ไม่ได้รับความเสียหายและฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยที่ 1เป็นเพื่อนกับนายสมัยคนขับรถแทรกเตอร์ของโจทก์ จำเลยที่ 1เคยไปไถที่กับนายสมัย จำเลยที่ 1 ได้หัดขับรถแทรกเตอร์ของโจทก์จนขับเป็นและบางครั้งก็ได้ขับรถแทรกเตอร์แทนนายสมัยจำเลยที่ 3 เคยเห็นจำเลยที่ 1 ขับรถแทรกเตอร์ของโจทก์แต่ไม่ว่าอะไร เห็นว่า การขับรถแทรกเตอร์ที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 รู้เห็นแล้วมิได้ว่ากล่าวห้ามปรามจำเลยที่ 1 ได้แก่การขับรถแทรกเตอร์ตามปกติ ซึ่งปรากฏว่าโจทก์ผู้เป็นเจ้าของรถแทรกเตอร์เองก็มิได้หวงห้ามเช่นเดียวกัน แต่การกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ เป็นการขับรถแทรกเตอร์ของโจทก์เข้าไปดับไฟโดยรถแทรกเตอร์ของโจทก์มิได้มีไว้เพื่อใช้ในการดับไฟ เป็นการใช้รถแทรกเตอร์ของโจทก์ผิดจากปกติ หาใช่การขับรถที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 มิได้ว่ากล่าวห้ามปรามจำเลยที่ 1 ไม่ จำเลยที่ 1 ขับรถเข้าไปดับไฟที่ไร่อ้อยขณะจำเลยที่ 2ที่ 3 อยู่ที่บ้านห่างจากไร่อ้อยถึง 1 กิโลเมตรเศษ จำเลยที่ 2 ที่ 3 ย่อมไม่อาจห้ามปรามมิให้จำเลยที่ 1 ขับรถเข้าไปดับไฟได้ ทั้งการที่ไฟไหม้ไร่อ้อยเป็นเหตุเกิดขึ้นโดยปัจจุบัน จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่อาจคาดหมายและกำชับล่วงหน้ามิให้จำเลยที่ 1 ขับรถแทรกเตอร์เข้าไปดับไฟ จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่มีโอกาสปฏิบัติเป็นอย่างอื่นได้ดีกว่านี้ถือว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลจำเลยที่ 1 แล้ว

พิพากษายืน

Share