คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 285/2480

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยแถลงคัดค้านว่าตนไม่ควรมีผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิศรภาพ แต่มิได้คัดค้านข้อนี้ในฎีกา ศาลไม่วินิจฉัยให้

ย่อยาว

ข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์ได้ทำสัญญาเช่าสวนจากนายเสพผู้จัดการของนางสินเจ้าของมีกำหนด ๓ ปี โจทก์ได้เข้าทำสวนรายนี้ ๒ ปี โดยส่งเงินค่าเช่าถูกต้องตามสัญญา ต่อมานายเสพจะย้ายมากรุงเทพฯ จึงได้บอกนางสินว่าจะไม่จัดการดูแลสวนรายนี้ต่อไป นางสินจึงได้ทำสัญญาเช่าสวนรายนี้กับผู้มีชื่อ แล้วบอกให้โจทก์ออกจากสวนไปโจทก์ไม่ยอมออก ต่อมาจำเลยไปขอจดหมายจากนายเสพ ซึ่งมีข้อความให้โจทก์ออกไปจากสวนรายนี้ แล้วจำเลยได้นำจดหมายไปหาโจทก์ พร้อมด้วยกำนันแลตำรวจ ๒ นาย แต่วันนั้นไม่ปรากฎว่าจำเลยได้ให้ตำรวจจับกุมโจทก์ ต่อมาอีก ๗ วันจำเลยได้ไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานว่าโจทก์เป็นคนร้ายลักตัดหมาก และให้ตำรวจจับโจทก์ส่งกรมการอำเภอ โจทก์จึงฟ้องเป็นคดีนี้ขึ้น
ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยตาม ม.๑๕๘ และ ๒๗๐
ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ว่าตามพฤตติการณ์เห็นว่าจำเลยกระทำการโดยไม่สุจริต ส่วนข้อที่จำเลยแถลงคัดค้านว่าจำเลยไม่ควรมีความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิศรภาพตามมาตรา ๒๗๐ นั้น จำเลยมิได้คัดค้านข้อนี้ในฎีกา และไม่มีเหตุสมควรจะยกขึ้นวินิจฉัยให้ จึงให้ยกฎีกาจำเลยเสีย

Share