คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2849/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นตัวแทนจำเลยในการซื้อหุ้นของบริษัทต่างๆ ที่ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยโจทก์ติดต่อผ่านบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์และโจทก์ได้จ่ายเงินทดรองแทนจำเลยไป การกระทำของโจทก์หาได้จัดให้มีตลาดหรือสถานที่อันเป็นศูนย์กลางการซื้อขายหลักทรัพย์ไม่ จึงไม่ขัดต่อ มาตรา9 แห่งพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพ.ศ. 2517 และเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลังให้ประกอบธุรกิจเงินทุนธุรกิจหลักทรัพย์ ต่อมาวันที่ 7 สิงหาคม 2522 รัฐมนตรีกระทรวงการคลังมีคำสั่งให้ถอนใบอนุญาตของโจทก์และแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีขึ้นเพื่อสะสางการงานและรวบรวมทรัพย์สินระหว่างโจทก์ประกอบธุรกิจการเงินและประกอบธุรกิจหลักทรัพย์อยู่โจทก์เป็นตัวแทนและนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยแต่โจทก์มิได้เป็นสมาชิกตลาดหลักทรัพย์ โจทก์จึงติดต่อบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกตลาดหลักทรัพย์ให้จัดการซื้อหรือขายแทนโจทก์ค่านายหน้าที่โจทก์เรียกเก็บจากลูกค้าโจทก์ต้องจ่ายให้สมาชิกตลาดหลักทรัพย์ที่เป็นผู้ทำการซื้อขายหลักทรัพย์นั้นแทนโจทก์

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2521 ถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2521 จำเลยตกลงให้โจทก์เป็นตัวแทนจัดการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์โดยยอมปฏิบัติตามวิธีและประเพณีในการเล่นหุ้นจำนวน 4 ครั้งโจทก์จ่ายเงินทดรองแทนจำเลยไป 933,153 บาท จำเลยต้องเสียดอกเบี้ยให้โจทก์ เมื่อหักเงินปันผลในหุ้นที่ซื้อไว้พร้อมดอกเบี้ยแล้ว จำเลยยังเป็นหนี้โจทก์ 437,006.45 บาท เมื่อโจทก์ถูกถอนใบอนุญาต ผู้ชำระบัญชีจึงหักกลบลบหนี้กับตั๋วเงินที่จำเลยจำนำไว้ 350,000 บาท ส่วนที่เหลือจำเลยมีหน้าที่ชำระคืนให้โจทก์ ทวงถามแล้วจำเลยเพิกเฉย ขอให้ศาลบังคับ

ในระหว่างดำเนินคดี เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้องขอเข้ามาดำเนินคดีแทนโจทก์เพราะโจทก์ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดศาลอุนญาต

จำเลยให้การว่าจำเลยไม่เคยตกลงให้โจทก์เป็นตัวแทนซื้อหลักทรัพย์แทนจำเลยและการตั้งตัวแทนไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่เพียง 19,988.70 บาท

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 384,030.47 บาท พร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์

โจทก์จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำของโจทก์ในการเป็นตัวแทนและนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ เป็นการประกอบกิจการตลาดหลักทรัพย์หรือกิจการที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยจึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 พิพากษายกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพ.ศ. 2517 มาตรา 9 บัญญัติว่า ‘ห้ามมิให้บุคคลใดประกอบกิจการตลาดหลักทรัพย์หรือกิจการที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน นอกจากตลาดหลักทรัพย์ซึ่งได้จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัตินี้” และมาตรา 3 ให้บทวิเคราะห์ศัพท์คำว่า “กิจการตลาดหลักทรัพย์” หมายความว่า “การจัดให้มีตลาดหรือสถานที่อันเป็นศูนย์กลางการซื้อหรือขายหลักทรัพย์รวมทั้งบริการที่เกี่ยวกับกิจการดังกล่าว” ซึ่งตามคำฟ้องและการนำสืบของโจทก์ได้ความเพียงว่า โจทก์เป็นตัวแทนจำเลยในการซื้อหุ้นของบริษัทต่างๆ ที่ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยโจทก์ติดต่อผ่านบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์และโจทก์ได้จ่ายเงินทดรองแทนจำเลยไปการกระทำของโจทก์หาได้จัดให้มีตลาดหรือสถานที่อันเป็นศูนย์กลางการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ไม่ เพราะการซื้อขายหลักทรัพย์ก็ต้องดำเนินการผ่านบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ที่มีอยู่เดิมเท่านั้น การกระทำของโจทก์หาได้ขัดกับมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 และเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 ไม่

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาใหม่ในประเด็นที่คู่ความยังโต้เถียงกันอยู่

Share