คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 732-733/2485

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ไนคดีที่ฟ้องหาว่าขับรถยนต์ไนเวลาร่างกายหย่อนความสามาถไนอันจะขับและไนเมื่อเสพสุราหรือของเมาหย่างอื่นๆ ข้อว่าผู้ขับรถยนต์ได้ดื่มกินสุราจิงหรือไม่ นับว่าเปนประเด็นหรือข้อสำคันไนคดี มีผลได้เสียไนทางคดีโดยตรง เมื่อเบิกความเท็ดไนข้อนี้ จึงฟังว่าคำเบิกความเท็ดนั้น เปนข้อสำคันไนคดี.

ย่อยาว

คดี ๒ สำนวนนี้เกี่ยวพันกัน สาลชั้นต้นพิจารนารวมกัน มีข้อหาว่าจำเลยสาบานตัวแล้วบังอาดเอาความที่รู้หยู่ว่าเปนเท็จดมาเบิกความเปนพยานต่อสาล ไนเรื่องนายสิริเปนจำเลยต้องหาว่าขับรถยนต์โดยประมาท ทำไห้คนตาย อันเปนข้อความสำคันว่า ไนวันเกิดเหตุจำเลยไม่เห็นนายสิริกินเหล้า ซึ่งความจิงจำเลยได้เห็นอาดทำไห้คดีเรื่องนั้นเสียได้ขอไห้ลงโทส สาลชั้นต้นพิจารนาเห็นว่าคดียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเบิกความเท็ด จึงพิพากสายกฟ้องโจท
โจทอุธรณ์ สาลอุธรณ์ฟังว่าถ้อยคำที่จำเลยเบิกความเปนความเท็ดและเปนสำคันในคดี พิพากสากลับสาลชั้นต้นว่า จำเลยผิดตามกดหมายอาญามาตรา ๑๕๖ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมฯ พ.ส.๒๔๗๗ มาตรา ๔ ไห้จำคุกคนละ ๖ เดือน
จำเลยดีกา สาลดีกาพิจารนาเห็นว่าถ้อยคำที่จำเลยทั้ง ๒ เบิกความเปนการเบิกเท็ด ไนคดีเรื่องนายสิริ โจทฟ้องว่านายสิริขับรถยนต์ไนเวลาร่างกายหย่อนความสามาถไนอันจะขับและไนเมื่อเสพสุราหรือของเมาหย่างอื่นๆ เปนเหตุไห้รถยนต์คว่ำคนบาดเจ็บและตาย โจทได้ถือเอาการดื่มกินสุราของนายสิริเปนมูลเหตุอันหนึ่งซึ่งสแดงไห้เห็นความประมาทของนายสิริ เพราะการดื่มกินสุราแล้วขับรถยนต์เปนการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติจราจรทางบกมาตรา ๒๙ (๒) และโจทขอไห้ลงโทสนายสิริตามพระราชบัญญัตินั้นด้วย ข้อว่านายสิริได้ดื่มกินสุราจิงหรือไม่ เปนประเด็นหรือข้อสำคันไนคดี มีผลได้ผลเสียไนทางคดีโดยตรงเมื่อฟังว่าคำเบิกความเท็ดของจำเลยเปนข้อสำคันไนคดีแล้ว จำเลยก็ย่อมมีความผิดถานเบิกความเท็ด จึงพิพากสายืนตามสาลอุธรณ์

Share