คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2848/2556

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ค่าเช่าซื้อนั้นมีราคารถยนต์รวมอยู่ด้วยส่วนหนึ่ง มิใช่ค่าเช่าหรือค่าใช้รถยนต์เพียงอย่างเดียว เมื่อรถยนต์สูญหายนอกจากจะทำให้ผู้ให้เช่าซื้อไม่ได้รับรถยนต์คืนหรือไม่ได้รับค่าเช่าซื้อครบถ้วนตามสัญญาแล้ว ยังทำให้โจทก์ผู้เช่าซื้อไม่อาจได้รับกรรมสิทธิ์รถยนต์หากชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนด้วย แม้จะฟังว่าจำเลยทั้งสองผู้ซ่อมแซมรถยนต์แล้วรถยนต์สูญหายไปได้ชดใช้เงินให้แก่บริษัทประกันภัยที่ได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัทผู้ให้เช่าซื้อไป กับให้โจทก์ผู้เช่าซื้อไปอีก 80,000 บาท ก็ตาม แต่เมื่อคำนึงถึงค่าเช่าซื้อที่โจทก์ชำระให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อไปงวดละ 13,905 บาท รวม 16 งวด แต่โจทก์ได้รับการชดใช้ค่าเสียหายเพียง 80,000 บาท ประกอบด้วยแล้ว เห็นได้ว่า โจทก์ยังคงได้รับความเสียหายอยู่อีก จำเลยทั้งสองจึงยังคงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในส่วนนี้ให้โจทก์อีกด้วย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 กำหนดให้จำเลยทั้งสองชดใช้แก่โจทก์เพิ่มอีก 50,000 บาท นั้น เหมาะสมแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงิน 279,292 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 272,480 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม 2550 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความ 6,000 บาท
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยทั้งสองประมาทเลินเล่อกระทำละเมิดต่อโจทก์ คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่า การชดใช้ความผิดทางละเมิดของจำเลยทั้งสองยุติลงแล้วหรือไม่ โดยจำเลยทั้งสองฎีกาว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438 วรรคสอง กำหนดให้ผู้ทำละเมิดคืนทรัพย์หรือชดใช้ราคารวมทั้งค่าเสียหายอันจะพึงบังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันได้ก่อขึ้น ซึ่งหมายความถึงผู้ทำละเมิดต้องทำเพียงประการใดประการหนึ่ง มิใช่ทั้งสองประการ และมาตรา 439 ก็กำหนดให้ผู้ทำละเมิดที่คืนทรัพย์ให้ผู้เสียหายต้องรับผิดเพิ่มเติมอีกถ้าทรัพย์นั้นเสื่อมเสียหรือถูกทำลายลง มิได้กำหนดให้ต้องคืนทรัพย์แล้วใช้ราคาค่าสินไหมทดแทนอีก ส่วนค่าเสียหายอันจะพึงบังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใด อันก่อให้เกิดขึ้นตามที่กำหนดในมาตรา 438 วรรคสอง หมายถึงค่าเสียหายภายหลังจากที่รถยนต์สูญหายไปแล้ว มิใช่หมายความถึงค่าชดใช้ราคารถยนต์ที่สูญหาย เมื่อบริษัทผู้รับประกันภัยรถยนต์ชดใช้ราคารถยนต์คืนให้บริษัทผู้ให้เช่าซื้อกับชดใช้เงินให้โจทก์อีก 80,000 บาท ย่อมฟังได้ว่าโจทก์ได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว ดังนั้นเมื่อจำเลยทั้งสองคืนทรัพย์ชดใช้ราคาทรัพย์ให้แก่บริษัทผู้รับประกันภัยซึ่งเข้าสวมสิทธิของโจทก์มาไล่เบี้ยเอาจากจำเลยทั้งสองแล้ว การชดใช้ความผิดทางละเมิดของจำเลยทั้งสองย่อมยุติลง ส่วนค่างวดรถยนต์ที่โจทก์ต้องสูญเสียไปเป็นเงินที่โจทก์มีหน้าที่ต้องชำระตามสัญญาเช่าซื้อและโจทก์ได้ใช้รถยนต์ตามสัญญาเช่าซื้อตลอดเวลาที่ชำระค่างวด เงินจำนวนดังกล่าวจึงมิใช่ค่าเสียหายอันเกิดจากการละเมิดนั้น เห็นว่า ในค่าเช่าซื้อรถยนต์นั้นมีราคารถยนต์รวมอยู่ด้วยส่วนหนึ่ง มิใช่ค่าเช่าหรือค่าใช้รถยนต์เพียงอย่างเดียว ตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ ระบุจำนวนเงินค่าเช่าซื้อรวมภาษีทั้งสิ้น 667,440 บาท และข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ชำระค่าเช่าซื้อแล้ว 16 งวด เมื่อรถยนต์สูญหายนอกจากจะทำให้ผู้ให้เช่าซื้อไม่ได้รับรถยนต์คืนหรือไม่ได้รับค่าเช่าซื้อครบถ้วนตามสัญญาแล้ว ยังทำให้โจทก์ไม่อาจได้รับกรรมสิทธิ์รถยนต์หากชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนด้วย แม้จะฟังว่าจำเลยทั้งสองชดใช้เงินให้แก่บริษัทประกันภัยที่ได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัทผู้ให้เช่าซื้อรถยนต์ 430,000 บาท กับให้โจทก์ 80,000 บาท แล้วก็ตาม แต่เมื่อคำนึงถึงค่าเช่าซื้อที่โจทก์ชำระให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อแล้วถึง 16 งวดดังกล่าว แต่โจทก์ได้รับชดใช้ค่าเสียหายเพียง 80,000 บาท ประกอบด้วยแล้ว เห็นได้ว่าโจทก์ยังคงได้รับความเสียหายอยู่อีก จำเลยทั้งสองจึงยังคงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในส่วนนี้ให้โจทก์อีกด้วย ซึ่งค่าเสียหายที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 กำหนดให้จำเลยทั้งสองชดใช้แก่โจทก์เพิ่มอีก 50,000 บาทนั้น เห็นว่าเหมาะสมแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share