คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 20075/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยหลอกลวงให้ผู้เสียหายทั้งสองนำเงินที่จะซื้อหวยมาทำพิธีทาน้ำมันตาทิพย์ก่อนจึงจะแทงหวยถูก เมื่อผู้เสียหายทั้งสองนำเงินใส่บาตรเพื่อให้จำเลยทำพิธี จำเลยไม่คืนเงินให้โดยแจ้งว่าขอให้นำเงินดังกล่าวร่วมทุนกับทางวัดเพื่อไปซื้อหวย ความจริงผู้เสียหายที่ 1 ไม่ยินยอม แต่กลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ตนและบุตรชาย แสดงว่าผู้เสียหายทั้งสองไม่มีเจตนาที่จะมอบเงินให้จำเลยไปซื้อหวยให้ เพราะสามารถซื้อเองได้อยู่แล้ว ผู้เสียหายทั้งสองจึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยมีสิทธิร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานตำรวจดำเนินคดีแก่จำเลยกับพวกได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 341 ให้จำเลยคืนเงินแก่ผู้เสียหายที่ 1 จำนวน 144,000 บาท และคืนเงินแก่ผู้เสียหายที่ 2 จำนวน 11,500 บาท และนับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 454/2547 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ประกอบมาตรา 83 จำคุก 6 เดือน ให้จำเลยคืนเงินแก่ผู้เสียหายที่ 1 จำนวน 144,000 บาท และคืนเงินแก่ผู้เสียหายที่ 2 จำนวน 11,500 บาท ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 454/2547 หมายเลขแดงที่ 1633/2547 ของศาลชั้นต้นนั้น คดีดังกล่าวศาลชั้นต้นรอการลงโทษจำคุกแก่จำเลย จึงมิอาจนับโทษต่อได้ ยกคำขอส่วนนี้
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ โจทก์มีผู้เสียหายทั้งสองและนายชวลิต เบิกความเป็นพยานทำนองเดียวกันว่า จำเลยหลอกให้ผู้เสียหายทั้งสองนำเงินที่จะแทงหวยมาทำพิธีทาน้ำมันตาทิพย์ก่อนจึงจะแทงถูก เมื่อผู้เสียหายทั้งสองนำเงินมามอบให้จำเลยทำพิธี จำเลยกลับไม่คืนเงินให้โดยอ้างว่าซื้อหวยให้แล้ว เห็นว่า ปกติผู้ให้หวยจะไม่ทำหน้าที่ซื้อหวยให้ด้วย แต่จะให้ผู้ได้รับใบ้หวยไปแทงหวยเอง พฤติกรรมของจำเลยกับพวกจึงมีพิรุธ ประกอบกับผู้เสียหายที่ 1 ตอบทนายจำเลยถามค้านว่า ผู้เสียหายที่ 1 กับบุตรชายนำเงินใส่บาตรแล้ว จำเลยแจ้งว่าเงินจำนวนดังกล่าวขอให้ร่วมทุนกับทางวัดเพื่อไปซื้อหวย ความจริงผู้เสียหายที่ 1 ไม่ยินยอม แต่กลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ตนและบุตรชาย แสดงว่าผู้เสียหายทั้งสองไม่มีเจตนาที่จะมอบเงินให้จำเลยไปซื้อหวยให้เลย เพราะสามารถซื้อเองได้อยู่แล้ว ผู้เสียหายทั้งสองจึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยมีสิทธิร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานตำรวจดำเนินคดีแก่จำเลยกับพวกได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำพิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share