คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2847/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์กล่าวในฟ้องว่าที่ดินของโจทก์เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ โดยระบุความกว้างยาว และอาณาเขตติดต่อมาในคำฟ้องด้วย ชั้นพิจารณาคู่ความตกลงขอให้ศาลสั่งเจ้าหน้าที่ทำแผนที่กลาง คู่ความทั้งสองฝ่ายตรวจดูแผนที่ดังกล่าวแล้วรับว่าถูกต้อง ดังนี้ เมื่อมีการทำแผนที่กลางเนื้อที่มากขึ้นหรือน้อยลงจากคำฟ้องอย่างไร ก็ต้องถือตามแผนที่กลาง และถ้าศาลพิพากษาให้ฝ่ายชนะคดีได้ที่ดินไม่เกินจำนวนตามแผนที่กลางระบุไว้ ย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นการพิจารณาคดีเกินคำขอ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าที่ดินตามแผนที่สังเขป เป็นที่ธรณีสงฆ์ของวัดโจทก์เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ ระบุความกว้างยาวและอาณาเขตติดต่อมาในคำฟ้องด้วย จำเลยได้นำพนักงานเจ้าหน้าที่ไปรังวัดปักหลักเขตและอ้างว่าเป็นของจำเลย ขอให้พิพากษาว่าที่ดินภายในเส้นสีแดงตามแผนที่สังเขปเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง

จำเลยให้การว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยและบุตร ขอให้ยกฟ้อง

คู่ความตกลงกันขอให้ศาลสั่งเจ้าหน้าที่ทำแผนที่กลาง คู่ความทั้งสองฝ่ายตรวจดูแผนที่ดังกล่าวแล้ว รับว่าถูกต้อง

ศาลชั้นต้นฟังว่า ที่พิพาทตามแผนที่กลางเป็นของโจทก์ พิพากษาห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ส่วนข้อกฎหมายที่ว่า ศาลล่างทั้งสองพิพากษาเกินคำขอนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่ใช่เป็นเรื่องพิพากษาเกินคำขอแต่อย่างใด เพราะเนื้อที่ดินที่บรรยายไว้ในคำฟ้องนั้นเป็นเรื่องประมาณว่ามีเนื้อที่ 3 ไร่ แต่อาณาเขตติดต่อที่ดินของผู้ใดอย่างไร ได้กล่าวไว้ในฟ้องโดยแน่นอน ฉะนั้น เมื่อมีการทำแผนที่กลางเนื้อที่มากขึ้นหรือน้อยลงจากคำฟ้องอย่างไร ก็ต้องถือตามแผนที่กลาง และถ้าศาลพิพากษาให้ฝ่ายชนะคดีได้ที่ดินไม่เกินจำนวนตามแผนที่กลางระบุไว้ย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นการพิพากษาเกินคำขอ

พิพากษายืน

Share