แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
รถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายถูกคนร้ายลักไป และได้ถูกเจ้าพนักงานอำเภอยึดไว้เป็นของกลางในคืนที่รถจักรยานยนต์หายเนื่องจากคนร้ายขับรถจักรยานยนต์ไปชนคนได้รับบาดเจ็บแล้วทิ้งไว้โดยเจ้าพนักงานตำรวจไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมาดังนี้จึงถือไม่ได้ว่ารถจักรยานยนต์ของกลางพ้นสภาพจากทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด การที่จำเลยไปติดต่อ ช. ให้นำเงินไปไถ่ในวันรุ่งขึ้นนั้น เข้าลักษณะเป็นการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ซึ่งยังเป็นทรัพย์ที่อยู่ในสภาพที่ถูกลักมา โดยรู้ว่าทรัพย์นั้นเป็นของร้าย จึงเป็นความผิดฐานรับของโจร แต่เนื่องจากการช่วยจำหน่ายของจำเลยนั้นไม่มีทางที่จะบรรลุผลได้อย่างแน่แท้การกระทำของจำเลยจึงเป็นการพยายามกระทำความผิดฐานรับของโจรที่ไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 335 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มาตรา 11
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 ลงโทษจำคุก 3 ปี ข้อหาลักทรัพย์ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องข้อหารับของโจรด้วยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาวินิจฉัยมีว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานรับของโจรตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษาหรือไม่ ข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมาโดยไม่มีฝ่ายใดฎีกาโต้แย้งได้ความว่า คืนเกิดเหตุรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายได้ถูกคนร้ายลักไปจากตำบลดอนเจดีย์อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี และได้ถูกเจ้าพนักงานตำรวจยึดไว้เป็นของกลางในคืนที่รถจักรยานยนต์หาย เนื่องจากคนร้ายขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปชนคนได้รับบาดเจ็บแล้วทิ้งรถจักรยานยนต์ไว้ตรงจุดที่ชนในเขตอำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอศรีประจันต์จึงได้ยึดมาเป็นของกลาง ในวันรุ่งขึ้นจำเลยได้ไปบอกนายเช้า สว่างศรีผู้รับฝากรถจักรยานยนต์ไว้ในคืนเกิดเหตุให้นำเงิน 3,000 บาท ไปไถ่รถจักรยานยนต์คืนโดยรับว่าจะเป็นผู้พาไปไถ่คืน เห็นว่าการที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดรถจักรยานยนต์คันที่คนร้ายลักไปไว้ในคืนนั้นเป็นการที่รถจักรยานยนต์ของกลางได้เข้ามาอยู่ในความยึดถือของเจ้าพนักงานตามอำนาจที่กฎหมายให้ไว้ในคดีที่เกิดขึ้นภายหลังยังไม่ได้เข้ามาอยู่ในความครอบครองของผู้เสียหายและยังไม่ได้เข้ามาอยู่ในความยึดถือของเจ้าพนักงานตำรวจผู้มีอำนาจหน้าที่ในคดีที่มีการลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ จึงยังถือไม่ได้ว่าขณะที่เจ้าพนักงานตำรวจสถานีภูธรอำเภอศรีประจันต์ยึดรถจักรยานยนต์ของกลางไว้นั้นรถจักรยานยนต์ของกลางพันสภาพจากทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดเพราะเจ้าพนักงานตำรวจที่ยึดไว้ก็ไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมาขณะที่ยึด การที่จำเลยมาติดต่อนายเช้าให้นำเงินไปไถ่ในวันรุ่งขึ้นนั้นเข้าลักษณะที่เป็นการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นทรัพย์ที่อยู่ในสภาพที่ถูกลักมา พฤติการณ์ของจำเลยที่ไปติดต่อขอให้ไถ่นั้นเป็นการแสดงให้เห็นแล้วว่าจำเลยจะต้องรู้ว่าทรัพย์ที่ตนมาติดต่อขอให้ไถ่นั้นเป็นของร้าย การกระทำของจำเลยจึงครบองค์ประกอบความผิดฐานรับของโจร เพียงแต่ว่าการช่วยจำหน่ายของจำเลยนั้นไม่มีทางที่จะบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ได้เพราะว่าในขณะที่จำเลยกระทำการช่วยจำหน่ายทรัพย์ที่จำเลยช่วยจำหน่ายนั้นรถจักรยานยนต์ของกลางยังอยู่ในความยึดถือของเจ้าพนักงานตำรวจที่ยึดไว้ในคดีอื่น จำเลยไม่อาจช่วยให้มีการไถ่ถอนอันถือว่าเป็นการช่วยจำหน่ายตามที่ได้เจตนาจะให้เกิดผลได้เลย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามกระทำความผิดฐานรับของโจรที่ไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วรรคแรก ประกอบมาตรา 81 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วรรคแรก, 81 จำคุก 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.