คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2843/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยซึ่งมีกรรมสิทธิ์รวมกับ ย. หลังจากทำสัญญากันแล้ว ย. ไม่ยอมรังวัดแบ่งแยกจำเลยก็ฟ้อง ย.และทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ย. ในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกทั้งได้ไปยื่นคำร้องขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินในวันเดียวกันนั้น และได้แจ้งให้โจทก์ทราบถึงการปฏิบัติตามสัญญาเป็นระยะ ๆ การที่จำเลยไม่สามารถรังวัดแบ่งแยกโฉนดที่ดินให้เสร็จเรียบร้อยภายในกำหนดสามเดือนตามสัญญาเป็นพฤติการณ์ที่จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 205 จำเลยจึงยังไม่ผิดนัดเมื่อการรังวัดแบ่งแยกเสร็จแล้ว จำเลยได้นัดวันเวลาที่จะทำสัญญาซื้อขายกับโจทก์ให้เสร็จสิ้น แต่โจทก์ไม่ไปตามนัดเพราะเลยกำหนดสามเดือนตามสัญญา จึงจะถือว่าโจทก์ผิดสัญญาไม่ได้เช่นเดียวกันจำเลยจะริบมัดจำโจทก์ไม่ได้
(เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 750/2518)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๐๓๔ ตำบลบางหวายใต้ เฉพาะส่วนของจำเลยทั้งสองในสามส่วนของเนื้อที่ดินทั้งหมดในราคาไร่ละ ๖๐,๐๐๐ บาทแก่โจทก์ โจทก์ได้วางเงินมัดจำในวันทำสัญญา ๓๐๐,๐๐๐ บาท โดยจำเลยทั้งสองจะไปยื่นคำร้องขอรังวัดแบ่งโฉนดให้เสร็จเรียบร้อยภายใน ๓ เดือน หากจำเลยผิดสัญญาจะต้องคืนเงินมัดจำและถูกปรับอีก ๓๐๐,๐๐๐ บาท จำเลยทั้งสองรังวัดแบ่งแยกโฉนดไม่เสร็จตามที่กำหนดในสัญญาโจทก์จึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญาให้จำเลยคืนเงินมัดจำและให้ใช้ค่าปรับ แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน ๖๐๐,๐๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยไม่ได้ผิดสัญญา ที่ดินที่ซื้อขายกันจำเลยทั้งสองถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับนายยาดี นายยาดีไม่ยินยอมแบ่งแยกจำเลยจึงยื่นฟ้องศาลขอให้บังคับแบ่งแยก ในที่สุดได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้รังวัดแบ่งแยก จำเลยก็ติดต่อขอคำสั่งศาลให้เจ้าพนักงานที่ดินรังวัดทันที เมื่อการรังวัดสามารถจดทะเบียนซื้อขายกันได้แล้ว จำเลยได้มีหนังสือบอกกล่าวให้โจทก์ไปจดทะเบียน แต่โจทก์ไม่ไปตามกำหนด โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยใช้สิทธิริบเงินมัดจำ
ก่อนสืบพยานคู่ความแถลงรับกันว่า ได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินจริงจำเลยทั้งสองได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญาจากโจทก์แล้ว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สัญญาจะซื้อขายกำหนดไว้แน่นอนโดยไม่มีข้อยกเว้น เมื่อจำเลยทั้งสองไม่สามารถทำให้เรียบร้อยภายในกำหนดตามสัญญาจำเลยทั้งสองจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา แต่เบี้ยปรับสูงเกินส่วน เห็นสมควรลดลงเหลือ ๑๐๐,๐๐๐ บาท พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงินมัดจำและใช้เบี้ยปรับรวมเป็น ๔๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หลังจากทำสัญญากันแล้ว จำเลยก็มิได้นิ่งนอนใจในการปฏิบัติตามสัญญา เมื่อการรังวัดแบ่งแยกที่ดินพิพาทไม่อาจกระทำได้เพราะนายยาดีผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมอีกคนหนึ่งไม่ยอมรังวัดแบ่งแยก จำเลยก็ได้ยื่นฟ้องนายยาดีขอให้รังวัดแบ่งแยกหลังจากทำสัญญากับโจทก์แล้วเพียงยี่สิบกว่าวัน และได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับนายยาดีในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก ทั้งได้ไปยื่นคำร้องขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินพิพาทในวันเดียวกันนั้น และได้แจ้งให้โจทก์ทราบถึงการปฏิบัติตามสัญญาเป็นระยะ ๆ การที่จำเลยไม่สามารถรังวัดแบ่งแยกโฉนดที่ดินให้เสร็จเรียบร้อยภายในกำหนดสามเดือนตามสัญญาที่ทำกันไว้นั้น เป็นพฤติการณ์ที่จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๐๕ จำเลยจึงยังไม่ผิดนัด เมื่อการรังวัดแบ่งแยกเสร็จแล้วจำเลยได้นัดวันเวลาที่จะทำสัญญาซื้อขายกับโจทก์ให้เสร็จสิ้น แต่โจทก์ไม่ไปตามกำหนดนัดเพราะเลยกำหนดเวลาสามเดือนตามสัญญา จึงจะถือว่าโจทก์ผิดสัญญาไม่ได้เช่นเดียวกันจำเลยจะริบมัดจำโจทก์ไม่ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองคืนมัดจำโจทก์ คำขออื่นของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก

Share