แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ได้ตกลงยินยอมให้จำเลยหักเงินเดือนเดือนสุดท้ายเงินสะสมพร้อมดอกเบี้ย และเงินบำเหน็จของโจทก์เพื่อชดใช้หนี้เงินยืมที่โจทก์ยืมจากจำเลย ตามระเบียบขององค์การผลิตอาหารสำเร็จรูปว่าด้วยเงินสะสมของผู้อำนวยการและพนักงานอสร. พ.ศ.2516 การหักเงินดังกล่าวหาใช่เป็นการบังคับคดียึดหรืออายัดเงินดังกล่าวของลูกหนี้แต่ประการใดไม่ กรณีจึงไม่อาจนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 286 มาใช้บังคับได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เคยเป็นพนักงานของจำเลยได้ลาออกโดยครบเกษียณอายุ โจทก์มีสิทธิได้รับเงินเดือนเดือนสุดท้าย เงินสะสมและเงินบำเหน็จรวมทั้งดอกเบี้ยเป็นเงินทั้งสิ้น 44,070.94 บาท จำเลยไม่ชำระให้ ขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวให้โจทก์
จำเลยให้การว่า ระหว่างที่โจทก์เป็นพนักงานของจำเลย โจทก์กับกรรมการจัดซื้อสัตว์นอกสถานที่เป็นหนี้เงินยืมจำเลยอยู่ 268,900.14 บาท จำเลยจึงหักเงินเดือนเดือนสุดท้าย เงินสะสม และเงินบำเหน็จของโจทก์ใช้หนี้จำเลยด้วยความยินยอมของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
คู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่า ข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่จำเลยให้การและท้ากันให้ศาลวินิจฉัยเพียงประเด็นเดียวว่าจำเลยมีสิทธิหักเงินต่าง ๆ ตามฟ้องได้หรือไม่ หากฟังว่าจำเลยมีสิทธิหักได้ โจทก์ก็แพ้คดี หากฟังว่าจำเลยไม่มีสิทธิหักได้ โจทก์ชนะคดี
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยมีสิทธิหักเงินต่าง ๆ ดังกล่าวในฟ้องชำระหนี้ได้ พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ตกลงยินยอมให้จำเลยหักเงินเดือนเดือนสุดท้ายเงินสะสมพร้อมกับดอกเบี้ยและเงินบำเหน็จ ใช้หนี้ที่โจทก์เป็นหนี้เงินยืมจากจำเลยส่วนหนึ่งตามระเบียบองค์การผลิตอาหารสำเร็จรูปว่าด้วยเงินสะสมของผู้อำนวยการและพนักงาน อสร. พ.ศ. 2516หาใช่เป็นการบังคับคดียึดหรืออายัดเงินดังกล่าวของลูกหนี้แต่ประการใดไม่ กรณีจึงไม่อาจนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 286 มาใช้บังคับได้
พิพากษายืน