คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2831/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การให้งดทาสีใต้ท้องกระเบื้องหลังคาเป็นติดเหล็กดัดช่องแสงรอบอาคาร48ช่องเป็นการเปลี่ยนแปลงรายการละเอียดที่ผิดไปจากข้อกำหนดในสัญญาจ้างเพราะกรณีดังกล่าวมิใช่เป็นการเปลี่ยนแปลงหรือตัดทอนกิจการจ้างเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญาแต่เป็นการกระทำที่มิให้เป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญาจ้างดังนั้นจำเลยที่2ถึงที่5ซึ่งเป็นกรรมการตรวจการจ้างจึงไม่มีอำนาจที่จะตกลงได้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุพ.ศ.2521ข้อ49การที่โจทก์ติดเหล็กดัดช่องแสงไปก่อนที่จำเลยที่1จะอนุญาตจึงเป็นการกระทำที่เสี่ยงภัยของโจทก์เองนับเป็นความผิดของโจทก์ ส่วนการใช้เหล็กค้ำยันโครงหลังคาซึ่งไม่ได้รับรองมาตรฐานนั้นแม้โจทก์รับว่าเหล็กดังกล่าวไม่ได้รับรองมาตรฐานเพราะขณะทำการก่อสร้างเหล็กขาดตลาดแต่เหล็กที่โจทก์นำมาใช้ก็มีคุณสมบัติและลักษณะเช่นเดียวกันก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะให้ฟังว่าโจทก์ไม่ผิดสัญญาจ้าง จำเลยที่1มิได้ใช้สิทธิปรับโจทก์เพราะเหตุโจทก์ผิดสัญญาจ้างดังกล่าวมาก่อนวันบอกเลิกสัญญาจ้างเมื่อจำเลยที่1บอกเลิกสัญญาจ้างในเวลาต่อมาจึงไม่อาจใช้สิทธิปรับโจทก์เป็นรายวันตามสัญญาได้คงได้แต่ใช้สิทธิเรียกค่าเสียหายตามสัญญาจ้างเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ผู้รับมอบอำนาจได้ทำสัญญาจ้าง โจทก์ก่อสร้างอาคารโรงฝึกงาน โดยมีจำเลยที่ 3ถึงที่ 5 เป็นกรรมการตรวจการจ้าง สัญญาจ้างเป็นเงินจำนวน765,500 บาท แบ่งชำระเป็น 3 งวด จำเลยทั้งห้ารับมอบงานและชำระค่าจ้างเฉพาะงวดที่ 1 ส่วนงวดที่ 2 และที่ 3 จำเลยทั้งห้าไม่ยอมรับมอบงานและไม่จ่ายค่าจ้างให้โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งห้ารับมอบงานงวดที่ 2 และที่ 3 จากโจทก์ หากไม่ยอมรับมอบให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งห้า และให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันหรือแทนกันชำระค่าจ้าง
จำเลยทั้งห้าให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2ถึงที่ 5 เพราะโจทก์กับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน จำเลยที่ 2 เป็นเพียงตัวแทนของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3ถึงที่ 5 ไม่รับมอบงานจากโจทก์งวดที่ 2 และที่ 3 เนื่องจากโจทก์ก่อสร้างผิดไปจากสัญญาและแบบรูปรายการละเอียดตามที่ระบุไว้ทั้งงานยังไม่แล้วเสร็จ โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จึงยังไม่มีสิทธิรับเงินค่างวดที่เหลือ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 324,518 บาท คำขออื่นให้ยก และยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาประการแรกตามฎีกาของโจทก์มีว่าโจทก์ปฎิบัติผิดสัญญาจ้างไม่ทาสีใต้ท้องกระเบื้องหลังคาและใช้เหล็กค้ำยันโครงหลังคาขนาด 50 x 50 x 4 มิลลิเมตร ที่ไม่ได้รับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เลขที่ 116-2517หรือไม่ ข้อนี้โจทก์อ้างว่าโจทก์มิได้ปฎิบัติผิดสัญญาจ้างเพราะจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ได้ตกลงให้โจทก์เปลี่ยนแปลงรายการทาสีใต้ท้องกระเบื้องหลังคาเป็นติดเหล็กดัดช่องแสงรอบอาคารรวม48 ช่องแทน และโจทก์ได้ทำเหล็กดัดช่องแสงติดรอบอาคาร 48 ช่องแล้ว แม้ต่อมาจำเลยที่ 1 จะไม่อนุญาตให้เปลี่ยนแปลงรายการดังกล่าวก็มิใช่ความผิดของโจทก์ เห็นว่า ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2521 ข้อ 49 ตามสำเนาเอกสารหมาย จ.25 ได้กำหนดหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจการจ้างไว้ว่าคณะกรรมการตรวจการจ้างมีหน้าที่ตรวจและควบคุมงานให้เป็นไปตามรูปแบบรายละเอียดและข้อกำหนดในสัญญาโดยจะสั่งเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิ่มเติมหรือตัดทอนงานจ้างได้ตามที่เห็นสมควร เพื่อให้เป็นไปตามแบบรูปรายการละเอียดและข้อกำหนดในสัญญา การให้งดทาสีใต้ท้องกระเบื้องหลังคาเป็นติดเหล็กดัดช่องแสงรอบอาคาร 48ช่องเป็นการเปลี่ยนแปลงรายการละเอียดที่ผิดไปจากข้อกำหนดในสัญญาจ้าง นอกจากนี้ตามสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.4 ข้อ 17ก็ไม่ให้อำนาจจำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 กระทำเช่นนี้ได้เช่นกัน เพราะกรณีดังกล่าวมิใช่เป็นการเปลี่ยนแปลงหรือตัดทอนกิจการจ้างเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญาแต่เป็นการกระทำที่มิให้เป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญาจ้าง ดังนั้นจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเพียงผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยที่ 1 ให้เข้าทำสัญญาจ้างกับโจทก์และจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ซึ่งเป็นกรรมการตรวจการจ้าง จึงไม่มีอำนาจที่จะตกลงให้โจทก์งดเว้นทาสีใต้ท้องกระเบื้องหลังคาเป็นติดเหล็กดัดช่องแสงรอบอาคาร 48 ช่องได้ แต่การที่จำเลยที่ 3ถึงที่ 5 ได้รายงานจำเลยที่ 2 ขออนุญาตตามลำดับชั้นไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาก็ได้รายงานจำเลยที่ 1 เพื่อขออนุญาตจากจำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 1 ไม่อนุญาต เช่นนี้ จะเห็นได้ว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ได้ปฎิบัติหน้าที่ราชการไปโดยสุจริตมิได้มีเจตนาที่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ การที่โจทก์ติดเหล็กดัดช่องแสงไปก่อนที่จำเลยที่ 1 จะอนุญาต จึงเป็นการกระทำที่เสี่ยงภัยของโจทก์เองนับเป็นความผิดของโจทก์ เมื่อตามแบบรูปรายการละเอียดท้ายสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.4 กำหนดให้ทาสีใต้ท้องกระเบื้องหลังคาแต่โจทก์ยังไม่ได้ทา โจทก์จึงปฎิบัติผิดสัญญาในข้อนี้ ส่วนการใช้เหล็กค้ำยันโครงหลังคาขนาด 50 x 50 x 4มิลลิเมตร ซึ่งไม่ได้รับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.)เลขที่ 116-2517 นั้น แม้โจทก์รับว่าเหล็กดังกล่าวไม่ได้รับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เลขที่ 116-2517 เพราะขณะทำการก่อสร้าง เหล็กขนาด 50 x 50 x 4 มิลลิเมตร ที่ได้รับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เลขที่ 116-2517ขาดตลาด แต่เหล็กที่โจทก์นำมาใช้ก็มีคุณสมบัติและลักษณะเช่นเดียวกัน ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะให้ฟังว่าโจทก์ไม่ผิดสัญญาจ้างในข้อนี้
ปัญหาประการที่สามตามฎีกาของโจทก์มีว่า เมื่อจำเลยที่ 1ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาจ้างแล้ว จำเลยที่ 1 มีสิทธิปรับโจทก์เป็นรายวันตามสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.4 ข้อ 19(1) และเรียกค่าเสียหายได้หรือไม่ เพียงใด ในปัญหาดังกล่าวสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.4 ข้อ 19 ระบุว่า “ถ้าผู้รับจ้างส่งมอบงานล่าช้ากว่าวันแล้วเสร็จตามสัญญา แต่ผู้ว่าจ้างยังมิได้บอกเลิกสัญญาผู้รับจ้างยอมให้ผู้ว่าจ้างดำเนินการดังต่อไปนี้คือ
(1) ปรับผู้รับจ้างเป็นรายวัน วันละ 765 บาท นับแต่วันที่ล่วงเลยกำหนดวันแล้วเสร็จตามสัญญาจนถึงวันที่งานแล้วเสร็จสมบูรณ์
ในระหว่างที่มีการปรับนั้น ถ้าผู้ว่าจ้างเห็นว่าผู้รับจ้างไม่อาจปฎิบัติตามสัญญาต่อไปได้ ผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและใช้สิทธิตามสัญญาข้อ 20 นอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วย” เห็นว่า ตามข้อสัญญาดังกล่าว จำเลยที่ 1 มีสิทธิปรับโจทก์เป็นรายวันเฉพาะกรณีที่โจทก์ส่งมอบงานล่าช้ากว่าวันแล้วเสร็จตามสัญญา และจำเลยที่ 1 ได้ใช้สิทธิปรับโจทก์เป็นรายวันในระหว่างที่จำเลยที่ 1 ยังมิได้บอกเลิกสัญญา จนถึงวันที่งานแล้วเสร็จบริบูรณ์ แต่ในระหว่างที่มีการปรับ ถ้าจำเลยที่ 1เห็นว่าโจทก์ไม่อาจปฎิบัติตามสัญญาต่อไปได้จำเลยที่ 1 ก็มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกค่าปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาได้ สำหรับคดีนี้จำเลยที่ 1 มิได้ใช้สิทธิปรับโจทก์เพราะเหตุโจทก์ผิดสัญญาจ้างดังกล่าวมาก่อนวันบอกเลิกสัญญาจ้าง เมื่อจำเลยที่ 1บอกเลิกสัญญาจ้างในเวลาต่อมาจึงไม่อาจใช้สิทธิปรับโจทก์เป็นรายวันตามสัญญาจ้างข้อ 19(1) ได้ คงได้แต่ใช้สิทธิเรียกค่าเสียหายตามสัญญาจ้าง ข้อ 20(4) เท่านั้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน509,648 บาท แก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share