แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นเรียงกระทงลงโทษฐานปลอมเครื่องหมายการค้า ใช้เครื่องหมายการค้าปลอมและผลิตอาหารปลอม รวมจำเลยที่ 2 จำคุก3 ปี จำเลยที่ 3 ปรับ 11,000 บาท ศาลอุทธรณ์แก้เป็น ฐานปลอมและใช้เครื่องหมายการค้าปลอมเป็นความผิดกรรมเดียว ให้ลงโทษฐานปลอมเครื่องหมายการค้า ตาม ป.อ. มาตรา 273 ซึ่งเป็นบทหนักโดยลดโทษแล้ว จำเลยที่ 2 จำคุก 1 ปี จำเลยที่ 3 ปรับ 500 บาท เป็นกรณีแก้ไขเล็กน้อย และยังคงจำคุกไม่เกินห้าปี คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แม้ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ลงชื่อในคำพิพากษาอนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ข้อเท็จจริงนั้นก็ต้องยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ความผิดฐานปลอมเครื่องหมายการค้าและผลิตอาหารปลอมลักษณะของการกระทำผิดแยกจากกัน เมื่อมีการปลอมเครื่องหมายการค้าและนำไปใช้ก็เป็นความผิดสำเร็จกระทงหนึ่ง เมื่อนำอาหารที่ส่วนประกอบไม่ใช่สูตรของแท้มาปิดเครื่องหมายการค้าปลอมเพื่อให้ผู้บริโภคหลงเชื่อว่าเป็นอาหารสูตรของแท้ก็เป็นความผิดฐานผลิตอาหารปลอมอีกกระทงหนึ่ง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2531 ถึงวันที่ 13พฤษภาคม 2532 ทั้งเวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยที่ 1 ที่ 2 และจำเลยที่ 3 โดยจำเลยที่ 2ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการได้ร่วมกันทำปลอมขึ้นทั้งฉบับซึ่งฉลากปิดขวดซอสหอยนางรมตราแม่ครัว หรือซอสน้ำมันหอยตราแม่ครัว ให้ปรากฏเครื่องหมายการค้า และข้อความในฉลากว่า ซอสหอยนางรมตราแม่ครัว…รายละเอียดตามภาพถ่ายท้ายฟ้องอันเป็นการปลอมเครื่องหมายการค้าของนายสถิตย์ กาญจนวิสิษฐผล ที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วต่อกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ และนายสถิตย์ได้อนุญาตให้บริษัทจิ้วฮวด จำกัด และบริษัทตราแม่ครัว จำกัดใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าว จำเลยทั้งสามกระทำการเพื่อนำฉลากเครื่องหมายการค้าปลอมดังกล่าวไปปิดบนขวดซอสหอยนางรม ซึ่งจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันผลิตขึ้นเพื่อนำออกจำหน่ายให้แก่ผู้อื่นและประชาชนและจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันเอาชื่อ รูป รอยประดิษฐ์ และข้อความในการประกอบการค้าของบริษัทจิ้วฮวด จำกัด และนายสถิตย์มาใช้ให้ปรากฏที่สินค้าซึ่งเป็นขวดบรรจุซอสหอยนางรมปลอมที่จำเลยทั้งสามร่วมกันผลิตขึ้นโดยเอาฝาจุกปลอมมีข้อความว่าแม่ครัวปิดปากขวด เอาซิ้งฟิล์มปลอมมีข้อความว่าซอสน้ำมันหอยตราแม่ครัวเชลล์ชวนชิมปิดทับคร่อมฝาจุกติดกับคอขวด เอาฉลากปลอมรูปหอยและเปลวเพลิง มีข้อความว่าเชลล์ชวนชิม ซอสหอยนางรมตราแม่ครัวราคา 36 บาท ปิดที่คอขวดและเอาฉลากที่จำเลยทั้งสามร่วมกันทำปลอมขึ้นปิดที่ขวดดังกล่าว มีขนาดและลักษณะเช่นเดียวกันกับซอสหอยนางรมตราแม่ครัวที่แท้จริง โดยจำเลยทั้งสามมีเจตนาเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าของนายสถิตย์ ซึ่งผลิตโดยบริษัทจิ้วฮวด จำกัด และจัดจำหน่ายโดยบริษัทตราแม่ครัว จำกัด ที่แท้จริงจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันผลิตอาหารปลอมโดยผลิตซอสหอยนางรมปลอมโดยใช้วัสดุอุปกรณ์ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการและไม่ถูกสุขลักษณะรวมทั้งไม่ได้มาตรฐาน โดยผลิตที่โรงงานของจำเลยที่ 3….แล้วจำเลยทั้งสามได้นำซอสหอยนางรมที่ผลิตขึ้นดังกล่าวบรรจุลงในขวดหลายขนาดเพื่อนำออกจำหน่ายให้แก่ประชาชน โดยจำเลยทั้งสามได้ใช้ฝาจุกปลอมมีข้อความว่าแม่ครัวปิดปากขวด ใช้ซิ้งฟิล์มปลอมมีข้อความว่า “ซอสน้ำมันหอยตราแม่ครัวเชลล์ชวนชิม” ปิดทับคร่อมฝาจุกติดกับปากขวด เอาฉลากปลอมรูปหอยและเปลวเพลิงมีข้อความว่าเชลล์ชวนชิม ซอสหอยนางรมตราแม่ครัว ราคา 36 บาทปิดที่คอขวดซึ่งคำว่าเชลล์ชวนชิมนี้เป็นลักษณะพิเศษและใช้ฉลากตราแม่ครัวปลอมซึ่งได้กระทำขึ้นดังกล่าวตามเอกสารท้ายฟ้อง ซึ่งฉลากดังกล่าวมีข้อความสำคัญว่า “ซอสหอยนางรมตราแม่ครัว ผลิตโดยบริษัทจิ้วฮวด จำกัด 500 ถนนอ่างศิลาบางแสน อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรีจัดจำหน่ายโดย บริษัทตราแม่ครัว จำกัด 11/50-53 ถนนพัฒนาการตำบลสวนหลวง อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร” ปิดไว้ที่ขวดบรรจุซอสหอยนางรมที่จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันผลิตขึ้น โดยจำเลยทั้งสามมีเจตนาที่จะลวงหรือพยายามลวงให้ผู้ซื้อเข้าใจผิดในเรื่องคุณภาพ ปริมาณ ลักษณะพิเศษ และสถานที่ผลิตซอสหอยนางรมที่จำเลยทั้งสามร่วมกันผลิตขึ้นว่าเป็นซอสหอยนางรมตราแม่ครัวที่แท้จริงซึ่งเป็นซอสหอยนางรมที่มีคุณภาพดี การผลิตได้มาตรฐาน อันเป็นสินค้าที่ประชาชนนิยมและรู้จักกันดีในวงการค้า ซึ่งผลิตโดยบริษัทจิ้วฮวด จำกัด ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว ซอสหอยนางรมที่จำเลยทั้งสามร่วมกันผลิตขึ้นดังกล่าวไม่ได้มาตรฐาน คุณภาพไม่ดี ไม่มีคนนิยม เหตุเกิดที่แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานครขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 50, 83, 91, 272, 273,274 พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 มาตรา 25, 27, 29 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4ริบของกลางทั้งหมด ยกเว้นใบทะเบียนการค้าห้างหุ้นส่วนจำกัดยงวัฒน์อุตสาหกรรม ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ใบสำคัญการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัดยงวัฒน์อุตสาหกรรม ใบอนุญาตผลิตอาหารของจำเลยที่ 2 ใบอนุญาตตั้งโรงงานของห้างหุ้นส่วนจำกัดยงวัฒน์อุตสาหกรรมให้คืนแก่เจ้าของ ขอให้ห้ามจำเลยทั้งสามประกอบอาชีพผลิตซอสน้ำมันหอยเพื่อประกอบการค้าอีกต่อไป
บริษัทจิ้วฮวด จำกัด ที่ 1 นายสถิตย์ กาญจนวิสิษฐผล ที่ 2ผู้เสียหายขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ให้การรับสารภาพ จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธศาลจึงสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 และให้โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1เป็นคดีใหม่ภายใน 15 วัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 50, 83, 91, 272, 273, 274พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 มาตรา 25, 27, 29 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4ให้เรียงกระทงลงโทษ ข้อหาปลอมเครื่องหมายการค้าตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 273 จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี ปรับจำเลยที่ 3 จำนวน1,000 บาท ข้อหาใช้รูปรอยประดิษฐ์ของผู้อื่นในการประกอบการค้าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 272 จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปีปรับจำเลยที่ 3 จำนวน 1,000 บาท ข้อหาผลิตอาหารปลอม จำคุกจำเลยที่ 2มีกำหนด 3 ปี ปรับจำเลยที่ 3 จำนวน 20,000 บาท รวมจำคุกจำเลยที่ 2มีกำหนด 6 ปี ปรับจำเลยที่ 3 จำนวน 22,000 บาท จำเลยที่ 2ที่ 3 ให้การรับสารภาพ เป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 3 ปีและปรับจำเลยที่ 3 จำนวน 11,000 บาท หากไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง เว้นแต่ใบทะเบียนการค้าห้างหุ้นส่วนจำกัดยงวัฒน์อุตสาหกรรม ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานใบสำคัญการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัดยงวัฒน์อุตสาหกรรม ใบอนุญาตผลิตอาหารของจำเลยที่ 2 ใบอนุญาตตั้งโรงงานของห้างหุ้นส่วนจำกัดยงวัฒน์อุตสาหกรรมให้คืนเจ้าของ และห้ามจำเลยที่ 2 ที่ 3 ประกอบอาชีพผลิตซอสน้ำมันหอยเพื่อประกอบการค้าอีกต่อไป
โจทก์ร่วมทั้งสองอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ที่ 3ให้หนักขึ้น และไม่ลดโทษให้แก่จำเลยทั้งสอง
จำเลยที่ 2 ที่ 3 อุทธรณ์ว่า การกระทำของจำเลยที่ 2 ที่ 3ตามฟ้องโจทก์เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นเรียงกระทงลงโทษจำเลยจึงไม่ถูกต้อง และการที่ศาลชั้นต้นพิพากษาห้ามจำเลยที่ 2 ที่ 3 ประกอบอาชีพผลิตซอสน้ำมันหอยเพื่อประกอบการค้าอีกต่อไปนั้น เกินไปกว่าที่กฎหมายกำหนดและเกินคำขอของโจทก์และขอให้รอการลงโทษหรือเปลี่ยนโทษจำคุกจำเลยที่ 2เป็นโทษกักขังพร้อมกับลดค่าปรับให้แก่จำเลยที่ 3 ด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับความผิดฐานเอาชื่อ รูปรอยประดิษฐ์ หรือข้อความใด ๆ ในการประกอบการค้าของผู้อื่นมาใช้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 272 และความผิดฐานปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 273เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 273 จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี ปรับจำเลยที่ 3 จำนวน1,000 บาท จำเลยที่ 2 ที่ 3 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้แก่จำเลยที่ 2 ที่ 3 คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงให้จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปีปรับจำเลยที่ 3 จำนวน 500 บาท และห้ามจำเลยที่ 2 ที่ 3 ประกอบอาชีพผลิตซอสน้ำมันหอยเพื่อประกอบการค้ามีกำหนดเวลา 5 ปี นับแต่วันพ้นโทษ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การรับสารภาพผิดตามฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 จำคุก 3 ปีจำเลยที่ 3 ปรับ 11,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าข้อหาฐานปลอมเครื่องหมายการค้าและใช้เครื่องหมายการค้าปลอมเป็นความผิดกรรมเดียว ให้ลงโทษฐานปลอมเครื่องหมายการค้าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 273 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดโดยลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้วคงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปีและปรับจำเลยที่ 3 จำนวน 500 บาท ซึ่งเป็นการแก้ไขเล็กน้อย และยังคงให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218วรรคแรก แต่คดีนี้ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ลงชื่อในคำพิพากษาอนุญาตให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ถึงอย่างไรก็ดีข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้รับอนุญาตให้ฎีกาได้นั้นจะต้องเป็นข้อเท็จจริงที่ได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ฎีกาว่า อาหารที่จำเลยผลิตไม่ใช่อาหารปลอมเพราะได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขให้เป็นผู้ประกอบกิจการผลิตซอสน้ำมันหอยตราผึ้งและตราดาวทองแล้วจึงไม่มีความผิดนั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนแล้วว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 กระทำผิดฐานปลอมเครื่องหมายการค้าของโจทก์ร่วม ใช้เครื่องหมายการค้าปลอมและผลิตอาหารปลอมดังมีรายละเอียดอยู่ในฟ้อง เมื่อจำเลยที่ 2และที่ 3 ได้ให้การรับสารภาพผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ข้อเท็จจริงก็ต้องฟังตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 จะโต้เถียงข้อเท็จจริงให้เป็นอย่างอื่นอีกไม่ได้ ข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ 2และที่ 3 ยกขึ้นฎีกาเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงให้ผิดไปจากคำให้การรับสารภาพและยังเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จำเลยที่ 2 ที่ 3 จะยกขึ้นฎีกาไม่ได้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้… สำหรับฎีกาข้อสุดท้ายที่ว่าความผิดฐานปลอมเครื่องหมายการค้ากับความผิดฐานผลิตอาหารปลอมเป็นความผิดกรรมเดียวกันนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ลักษณะของการกระทำผิดแต่ละกระทงแยกจากกัน เมื่อมีการปลอมเครื่องหมายการค้าและนำไปใช้ก็เป็นความผิดสำเร็จกระทงหนึ่งแล้ว เมื่อนำอาหารที่ส่วนประกอบไม่ใช่สูตรของซอสน้ำมันหอยตราแม่ครัวมาปิดเครื่องหมายการค้าที่ทำปลอมขึ้นเพื่อให้ผู้บริโภคหรือประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นซอสน้ำมันหอยตราแม่ครัวที่แท้จริง ก็เป็นความผิดฐานผลิตอาหารปลอมอีกกระทงหนึ่ง การกระทำดังกล่าวจึงเป็นความผิด 2 กระทง ฎีกาของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ข้อนี้ก็ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”
พิพากษายืน.