แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การยึดที่ดินสวนยางซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ ย่อมครอบไปถึงดอกผลนิตินัยด้วยตามมาตรา 304 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เงินค่าประมูลกรีดยางซึ่งคู่กรณีพิพาทกันในชั้นบังคับคดีนำมาวางศาล ถือเป็นดอกผลนิตินัยของสวนยางที่ถูกนำยึดเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธิร้องขอเข้าเฉลี่ยในเงินค่ากรีดยางนี้ได้ แต่ทั้งนี้ต้องยื่นคำขอเข้าเฉลี่ยก่อนสิ้นระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 290 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ผู้ร้องนำเงินค่าประมูลกรีดยางมาวางศาลเป็นรายเดือนเดือนละ 600 บาท นับแต่เดือนพฤศจิกายน 2502 เป็นต้นมาและในที่สุดโจทก์ได้รับเงินค่ากรีดยางนี้ไปเสร็จแล้วเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2504 เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเพิ่งมายื่นคำร้องขอเข้าเฉลี่ยเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2504จึงไม่มีสิทธิเข้าเฉลี่ยในเงินค่ากรีดยางรายนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290
ย่อยาว
ปัญหาสืบเนื่องมาจากโจทก์พิพาทกับนางวุ่นผู้ร้องในชั้นบังคับคดี โดยโจทก์นำยึดทรัพย์สวนยางของนายเก่งหั้วจำเลย เพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษา นางวุ่นผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องกับนายเก่งหั้วจำเลยเป็นเจ้าของร่วมกันในสวนยางที่โจทก์นำยึด ขอให้แบ่งสวนยางให้ผู้ร้องครึ่งหนึ่ง ถ้าแบ่งไม่ได้ก็ขอให้แบ่งเงินที่ขายทอดตลาดให้ผู้ร้องครึ่งหนึ่ง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ผู้ร้องชนะคดี โจทก์อุทธรณ์ และยื่นคำร้องว่านางวุ่นผู้ร้องกรีดน้ำยางในที่พิพาทเอาเป็นประโยชน์ตนผู้เดียวตั้งแต่วันยึดขอให้ศาลนัดนางวุ่นผู้ร้องมาประมูลค่ากรีดยางเอาเงินวางศาลศาลชั้นต้นนัดพร้อม ผลที่สุดนางวุ่นผู้ร้องประมูลได้โดยนำเงินค่ากรีดยางมาวางศาลเดือนละ 600 บาท ทุกเดือนจนกว่าคดีถึงที่สุดนับแต่เดือนพฤศจิกายน 2502 เป็นต้นไป เงินจำนวนนี้ให้ผู้ชนะคดีได้รับไปในชั้นที่สุด ผลที่สุดปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นางวุ่นผู้ร้องกับโจทก์ตกลงแบ่งที่พิพาทกันคนละครึ่งเสร็จไปแล้ว ส่วนเงินค่าประมูลกรีดยางนั้น โจทก์ได้รับไปแล้วครึ่งหนึ่งเป็นเงิน 6,000 บาท เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2504ที่พิพาทที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งนั้น เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดในวันที่ 12 สิงหาคม 2504
ครั้นวันที่ 1 สิงหาคม 2504 นายสุทธิ นายเนตร ยื่นคำร้องอ้างว่าเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของนายเก่งหั้วจำเลย ขอเข้าเฉลี่ยในเงินที่ขายทอดตลาดสวนยางและเงินค่ากรีดยางดังกล่าว
โจทก์แถลงว่าการขอเฉลี่ยเฉพาะทรัพย์ที่ขายไม่ค้าน แต่คัดค้านว่าค่าประมูลกรีดยางนี้ เกิดขึ้นจากการกระทำของโจทก์โดยเฉพาะ ผู้ร้องไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเลย จึงไม่ควรจะได้รับผลจากการกระทำของโจทก์ ผู้ร้องและโจทก์ตกลงกันไม่ได้ ขอให้ศาลสั่ง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ดอกผลที่เกิดจากทรัพย์ย่อมตกได้แก่เจ้าของทรัพย์ คือ ลูกหนี้ไม่ว่าจะเกิดโดยการกระทำของผู้ใด เมื่อดอกผลเป็นทรัพย์ของลูกหนี้แล้ว ผู้ร้องขอเฉลี่ยทุกคนย่อมมีสิทธิได้ทั่วกันตามส่วน จึงมีคำสั่งให้เอาดอกผลนี้ออกเฉลี่ยแก่ผู้ขอเฉลี่ยทุกราย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เงินค่ากรีดยางนี้ไม่ใช่ดอกผลนิตินัยและไม่ใช่ดอกผลธรรมดาของสวนยางหรือต้นยาง ยางหรือน้ำยางต่างหากที่เป็นดอกผลของต้นยาง แต่น้ำยางได้กลายสภาพเป็นเงินไปแล้ว คือเงินค่ากรีดยาง 6,000 บาทที่ตกเป็นของจำเลย และนางวุ่นผู้ร้องได้นำเงินจำนวนนี้ชำระให้โจทก์ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2504โดยจำเลยไม่ได้โต้แย้ง ต้องถือว่าจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ชำระหนี้ให้โจทก์ส่วนหนึ่งแล้ว 6,000 บาท เงินนี้จึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ไปแล้ว คดีไม่มีการยึดหรืออายัดเงินจำนวนนี้อย่างไรเลย เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นจึงไม่มีสิทธิขอเฉลี่ยในเงินค่ากรีดยางรายนี้ได้ พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ยกคำร้องขอเฉลี่ยของผู้ร้องเฉพาะในเงินค่ากรีดยางรายนี้
นายสุทธิ นายเนตร ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การยึดที่ดินสวนยางรายนี้ซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ย่อมครอบไปถึงดอกผลนิตินัยตามมาตรา 304 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ดอกผลทั้งหลายของทรัพย์นั้นตามมาตรา 111 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีความหมายถึงดอกผลธรรมดาและดอกผลนิตินัย เงินค่ากรีดยางที่พิพาทกันนี้เป็นดอกผลนิตินัยของที่ดินสวนยางครึ่งหนึ่งที่เป็นส่วนของจำเลย โดยเป็นลาภที่ได้เป็นครั้งเป็นคราวแก่เจ้าทรัพย์จากผู้อื่นเพื่อที่ได้ใช้ทรัพย์นั้นย่อมตกได้แก่เจ้าของทรัพย์ คือ จำเลยผู้เป็นลูกหนี้ในกรณีธรรมดา ผู้ร้องขอเข้าเฉลี่ยทุกคนซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธิได้รับชำระหนี้ทั่วกันตามส่วน แต่โดยที่มาตรา 290 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง บัญญัติให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องขอเฉลี่ยก่อนสิ้นระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ ฯลฯ การยื่นคำร้องขอเข้าเฉลี่ยในเงินค่ากรีดยางของนายสุทธิและนายเนตรผู้ร้องเป็นการยื่นภายหลังที่กฎหมายบัญญัติให้ยื่นโดยปรากฏว่าเงินค่ากรีดยางนี้ นางวุ่นผู้ร้องได้นำมาวางศาลเป็นรายเดือน ๆ ละ 600 บาท นับแต่เดือนพฤศจิกายน 2502 เป็นต้นมาและในที่สุดโจทก์ได้รับเงินค่ากรีดยางที่เป็นดอกผลของที่ดินสวนยางส่วนของจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ไปเสร็จแล้วเมื่อวันที่ 14กรกฎาคม 2504 นายสุทธิและนายเนตรผู้ร้องเพิ่งมายื่นคำร้องขอเข้าเฉลี่ยเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2504 ฉะนั้น นายสุทธิและนายเนตรผู้ร้องจึงไม่มีสิทธเข้าเฉลี่ยในเงินค่ากรีดยางรายนี้ตามกฎหมายศาลฎีกาพิพากษายืน