แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กรมธรรม์ประกันภัยหมวด2การคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอกข้อ2.2มีข้อความว่า”ความรับผิดต่อผู้โดยสารบริษัทจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัยซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบตามกฎหมายเพื่อความบาดเจ็บหรือมรณะของบุคคลที่โดยสารอยู่ในรถยนต์หรือกำลังขึ้นหรือกำลังลงจากรถยนต์เนื่องจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ในระหว่างระยะเวลาประกันภัย”ข้อ2.8มีข้อความว่า”การคุ้มครองผู้ขับขี่บริษัทจะถือว่าบุคคลใดซึ่งขับขี่รถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเอง”ข้อ2.11มีข้อความว่า”การยกเว้นผู้โดยสารการประกันภัยตามข้อ2.2ไม่คุ้มครองความบาดเจ็บหรือมรณะของ2.11.1ผู้เอาประกันภัยหรือบุคคลในครอบครัวซึ่งอยู่ด้วยกันกับผู้เอาประกันภัย”ตามข้อความในข้อ2.2และข้อ2.8ข้างต้นเป็นข้อกำหนดความรับผิดโดยทั่วไปของจำเลยส่วนข้อ2.11เป็นข้อยกเว้นความรับผิดของจำเลยจำต้องตีความโดยเคร่งครัดจะแปลความในทำนองเดียวกันกับกรณีความรับผิดของจำเลยตามข้อ2.2ประกอบข้อ2.8หาได้ไม่ซึ่งเมื่อพิเคราะห์กรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมายจ.3ทั้งฉบับประกอบกับเจตนารมณ์ของคู่สัญญาแล้วข้อ2.11มีความหมายว่าการประกันภัยตามข้อ2.2ไม่คุ้มครองความบาดเจ็บหรือมรณะของผู้เอาประกันภัยโดยแท้จริงคือณ.หรือบุคคลในครอบครัวซึ่งอยู่ด้วยกันกับณ. เท่านั้นน. ผู้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุจึงมิใช่ผู้เอาประกันภัยและร. ก็ไม่ใช่บุคคลในครอบครัวซึ่งอยู่ด้วยกันกับผู้เอาประกันภัยตามข้อ2.11น. คงเป็นเพียงบุคคลซึ่งขับรถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากณ. ผู้เอาประกันภัยตามข้อ2.8เมื่อณ. ยินยอมให้น. ยืมรถยนต์ของตนไปขับและน. ขับโดยประมาทเป็นเหตุให้ร. ซึ่งโดยสารมาในรถคันดังกล่าวถึงแก่ความตายจำเลยจึงต้องรับผิดตามข้อ2.2ประกอบข้อ2.8จำเลยหาได้รับการยกเว้นความรับผิดตามข้อ2.11ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนางสาวเรณู ดำรงศักดิ์ จำเลยเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 1จ-9844 กรุงเทพมหานคร ไว้จากนายณัฐวุฒิ ทนเสนโดยมีเงื่อนไขการคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ตามกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 4 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2532ซึ่งอยู่ในระหว่างการคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยนายนิยม เจือกโว้น ขับรถยนต์คันดังกล่าวโดยได้รับความยินยอมจากนายณัฐวุฒิไปตามถนนพหลโยธินจากทางด้านจังหวัดตากไปทางจังหวัดลำปางด้วยความประมาทเลินเล่อ โดยขับด้วยความเร็วสูงและไม่ระมัดระวัง เมื่อไปถึงสะพานระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 448ถึง 449 ตำบลพระบาทวังตวง อำเภอแม่พริก จังหวัดลำปางนายนิยมขับรถเสียหลักตกถนนและตกลงไปในเหวข้างทาง เป็นเหตุให้นายนิยมและนางสาวเรณูซึ่งโดยสารมาในรถยนต์คันดังกล่าวถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีหน้าที่ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยข้อ 2.2 ต้องชดใช้เงินจำนวน 500,000 บาท ให้แก่ทายาทของนางสาวเรณูพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีขอให้บังคับจำเลยชดใช้เงินจำนวน 575,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินจำนวน 500,000 บาทนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า สิทธิที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อบุคคลผู้โดยสารมาในรถยนต์ที่เอาประกันภัยประสบอุบัติเหตุถึงแก่ความตาย จึงเป็นสิทธิที่จะได้รับเงินต่อเมื่อนางสาวเรณูถึงแก่ความตายแล้ว ไม่ใช่สิทธิที่ผู้ตายมีอยู่ก่อนถึงแก่ความตาย อีกทั้งเป็นสิทธิของบุคคลอื่นที่จะได้รับเงินจำนวนนี้ เงินที่โจทก์เรียกร้องมานี้มิใช่ทรัพย์มรดกโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางสาวเรณูมีหน้าที่เพียงจัดการมรดกและแบ่งปันมรดกเท่านั้น จึงไม่มีสิทธิที่จะฟ้องคดีนี้และจำเลยไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ เนื่องจากกรมธรรม์ประกันภัย ข้อ 2.8 ถือว่าบุคคลซึ่งขับรถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยเสมือนเป็นผู้เอาประกันภัยเองนายนิยมขับรถยนต์คันดังกล่าวโดยได้รับความยินยอมจากนายณัฐวุฒิ จึงถือเสมือนนายนิยมเป็นผู้เอาประกันภัยเองนายนิยมเป็นสามีของนางสาวเรณูซึ่งโดยสารไปในรถยนต์คันดังกล่าว ถือได้ว่านางสาวเรณูเป็นบุคคลในครอบครัวเดียวกับผู้เอาประกันภัยซึ่งตามกรมธรรม์ประกันภัยข้อ 2.11 ระบุว่าการประกันภัยข้อ 2.2 ได้รับยกเว้นไม่ให้คุ้มครองถึงความบาดเจ็บหรือมรณะของผู้เอาประกันภัยหรือบุคคลในครอบครัวของผู้เอาประกันภัยค่าสินไหมทดแทนหากจะมีก็ไม่เกิน 10,000 บาท และโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยจากต้นเงิน 500,000 บาท เนื่องจากไม่ใช่ต้นเงินที่โจทก์ได้รับความเสียหายจริง ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาข้อเดียวว่า ข้อยกเว้นตามกรมธรรม์ประกันภัย เอกสารหมาย จ.3 ข้อ 2.11 ที่ระบุว่าการประกันภัยตามข้อ 2.2 ไม่คุ้มครองความบาดเจ็บหรือมรณะของผู้เอาประกันภัยหรือบุคคลในครอบครัวซึ่งอยู่ด้วยกันกับผู้เอาประกันภัยนั้น ต้องตีความโดยเคร่งครัด โดยให้หมายความเฉพาะตัวผู้เอาประกันภัยคือนายณัฐวุฒิ ทนเสน หรือบุคคลในครอบครัวที่อยู่ด้วยกันกับนายณัฐวุฒิเท่านั้น ไม่หมายความรวมถึงนายนิยม เจือกโว้น ผู้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุโดยได้รับยินยอมจากนายณัฐวุฒิและนางสาวเรณู ดำรงศักดิ์ ซึ่งเป็นบุคคลในครอบครัวที่อยู่ด้วยกันกับนายนิยมด้วย เห็นว่า กรมธรรม์ประกันภัยหมวด 2 การคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ข้อ 2.2มีข้อความว่า “ความรับผิดต่อผู้โดยสาร บริษัทจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัยซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบตามกฎหมายเพื่อความบาดเจ็บหรือมรณะของบุคคลที่โดยสารอยู่ในรถยนต์หรือกำลังขึ้นหรือกำลังลงจากรถยนต์เนื่องจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ในระหว่างระยะเวลาประกันภัย” ข้อ 2.8มีข้อความว่า “การคุ้มครองผู้ขับขี่ บริษัทจะถือว่าบุคคลใดซึ่งขับขี่รถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเอง” ข้อ 2.11 มีข้อความว่า “การยกเว้นผู้โดยสาร การประกันภัยตามข้อ 2.2 ไม่คุ้มครองความบาดเจ็บหรือมรณะของ 2.11.1 ผู้เอาประกันภัยหรือบุคคลในครอบครัวซึ่งอยู่ด้วยกันกับผู้เอาประกันภัย” ตามข้อความในข้อ 2.2 และ ข้อ 2.8 ข้างต้นเป็นข้อกำหนดความรับผิดโดยทั่วไปของจำเลย ส่วนข้อ 2.11เป็นข้อยกเว้นความรับผิดของจำเลยจำต้องตีความโดยเคร่งครัดจะแปลความในทำนองเดียวกันกับกรณีความรับผิดของจำเลยตามข้อ 2.2ประกอบข้อ 2.8 หาได้ไม่ พิเคราะห์กรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย จ.3ทั้งฉบับประกอบกับเจตนารมณ์ของคู่สัญญาแล้ว เห็นว่า ข้อ 2.11มีความหมายว่า การประกันภัยตามข้อ 2.2 ไม่คุ้มครองความบาดเจ็บหรือมรณะของผู้เอาประกันภัยโดยแท้จริงคือนายณัฐวุฒิหรือบุคคลในครอบครัวซึ่งอยู่ด้วยกันกับนายณัฐวุฒิเท่านั้น นายนิยมผู้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุจึงมิใช่ผู้เอาประกันภัยและนางสาวเรณูดำรงศักดิ์ ก็ไม่ใช่บุคคลในครอบครัวซึ่งอยู่ด้วยกันกับผู้เอาประกันภัยตามข้อ 2.11 นายนิยมคงเป็นเพียงบุคคลซึ่งขับรถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากนายณัฐวุฒิผู้เอาประกันภัยตามข้อ 2.8 เมื่อนายณัฐวุฒิยินยอมให้นายนิยมยืมรถยนต์ของตนไปขับและนายนิยมขับโดยประมาท เป็นเหตุให้นางสาวเรณูซึ่งโดยสารมาในรถคันดังกล่าวถึงแก่ความตายด้วย จำเลยจึงต้องรับผิดตามข้อ 2.2 ประกอบข้อ 2.8 จำเลยหาได้รับการยกเว้นความรับผิดตามข้อ 2.11 ไม่ และศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยในประเด็นค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยต้องรับผิดกรณีความตายของนางสาวเรณูต่อไปโดยไม่ย้อนสำนวน ซึ่งข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามที่โจทก์นำสืบและจำเลยไม่นำสืบโต้แย้งว่า ก่อนถึงแก่ความตายนางสาวเรณูผู้ตายประกอบอาชีพรับราชการเป็นอาจารย์ 1 ระดับ 5 อัตราเงินเดือนสุดท้ายเดือนละ 9,450 บาท อายุการทำงาน 9 ปี โจทก์ต้องเสียค่าจ้างรถบรรทุกศพผู้ตายจากจังหวัดลำปางที่เกิดเหตุกลับไปจัดงานศพที่จังหวัดตรังอันเป็นภูมิลำเนาเดิมของผู้ตายเป็นเงิน 35,000 บาทค่าก่อสร้างฮวงซุ้ยเป็นเงิน 25,000 บาท ค่าโลงศพ 4,000 บาทค่าปัจจัยสำหรับพระภิกษุสวดอภิธรรมคืนละ 4 รูป รูปละ 100 บาทรวม 7 คืน เป็นเงิน 2,800 บาท ค่าเลี้ยงดูแขกที่มาร่วมงานศพคืนละ 20,000 บาท รวม 140,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการฌาปนกิจศพที่วัด 2,000 บาท พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ค่าเลี้ยงดูแขกที่มาร่วมงานศพตามที่โจทก์นำสืบดังกล่าวเป็นจำนวนสูงเกินความจำเป็นเห็นควรกำหนดให้โจทก์ได้รับเป็นเงิน 50,000 บาท รวมเป็นเงินค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์มีสิทธิได้รับจากจำเลย 118,800 บาท
พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงิน 118,800 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2532จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์