คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2825/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ทั้งเจ็ดฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22 โจทก์อุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นรับฟังเอกสารของโจทก์ที่ 7 แล้วพิจารณาตัดสินเป็นโทษแก่โจทก์คนอื่น ๆ ด้วย เป็นการพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายวิธีพิจารณาและศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วนถูกต้อง เป็นอุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้น ซึ่งเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว การที่ศาลอุทธรณ์สั่งรับอุทธรณ์และวินิจฉัยมาในฐานะเป็นปัญหาข้อกฎหมายจึงเป็นการไม่ชอบ โจทก์จะฎีกาในปัญหาดังกล่าวต่อมาไม่ได้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันหลอกลวงโจทก์ทั้งเจ็ดว่าสามารถจัดหางานให้แก่โจทก์ทั้งเจ็ดทำที่ประเทศซาอุดีอาระเบียโจทก์ทั้งเจ็ดหลงเชื่อจึงมอบเงินคนละจำนวนให้แก่จำเลยทั้งสามไปขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 83, 91ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูลให้ประทับฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การปฏิเสธ จำเลยที่ 3 หลบหนี ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 3 ชั่วคราว ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์ทั้งเจ็ดอุทธรณ์ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์เพราะเป็นปัญหาข้อเท็จจริงโจทก์ทั้งเจ็ดยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์เฉพาะข้อ2.2 และ 2.4 โดยเห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมายแล้วพิพากษายืนโจทก์ทั้งเจ็ดฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์ทั้งเจ็ดฎีกาปัญหาเดียวกับอุทธรณ์ในข้อ 2.2 และ 2.4 ซึ่งศาลอุทธรณ์สั่งรับอุทธรณ์ไว้ในฐานะเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว คดีนี้โจทก์ทั้งเจ็ดฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตามพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงพ.ศ. 2499 มาตรา 22 โจทก์อุทธรณ์ในข้อ 2.2 ว่า ศาลชั้นต้นรับฟังพยานเอกสารของโจทก์ที่ 7 แล้วพิจารณาตัดสินเป็นโทษแก่โจทก์คนอื่น ๆ ด้วย เป็นการพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายวิธีพิจารณาและอุทธรณ์ในข้อ 2.4 ว่าศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วนถูกต้องแล้ววินิจฉัยว่าคำเบิกความของโจทก์ที่ 2 ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องขัดกับคำเบิกความของโจทก์ที่ 2 ในชั้นพิจารณา ซึ่งความจริงคำเบิกความของโจทก์ที่ 2 หาขัดกันไม่เห็นว่าอุทธรณ์ทั้งสองข้อนี้เป็นอุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นซึ่งเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น การที่ศาลอุทธรณ์สั่งรับอุทธรณ์และวินิจฉัยมาในฐานะเป็นปัญหาข้อกฎหมาย จึงเป็นการไม่ชอบ โจทก์จะฎีกาในปัญหาดังกล่าวต่อมาไม่ได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และยกฎีกาโจทก์ทั้งเจ็ด

Share