แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยเป็นหนี้ธนาคารเจ้าหนี้ 691,591.43 บาท จำเลยไม่สามารถชำระหนี้ได้จนธนาคารเจ้าหนี้ต้องหักเงินในบัญชีเงินฝากประจำซึ่งเป็นหลักประกันตามข้อตกลง ทั้งหมดจำนวน 400,118.98 บาท ชำระหนี้แล้วก็ยังขาดอยู่อีกถึง 291,472.54 บาท หลังจากนั้นอีก 7 วัน ธนาคารเจ้าหนี้ให้จำเลยที่ 2 กู้เงินอีกเป็นจำนวนถึง 403,000 บาท โดยเพียงแต่ให้จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งหมดคืนภายใน 2 วันนับแต่วันกู้โดยไม่มีหลักประกันอย่างอื่นนอกจากตั๋วสัญญาใช้เงิน ดังนี้ ถือว่าเป็นหนี้ที่ธนาคารเจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวจึงไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 94(2)
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยล้มละลาย ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจำเลยที่ ๒ ธนาคารเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วมีความเห็นว่าควรให้เจ้าหนี้ผู้ขอได้รับชำระหนี้ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี พร้อมดอกเบี้ยจำนวน ๓๒๒,๖๙๙.๖๖ บาท จากกองทรัพย์ของจำเลยที่ ๒ ส่วนหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน ๔ ฉบับ พร้อมทั้งดอกเบี้ยรวม ๔๖๓,๔๕๐ บาท เห็นควรยก
ศาลชั้นต้นเห็นด้วยกับความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
ธนาคารเจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ธนาคารเจ้าหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน ๔ ฉบับ และวินิจฉัยว่าก่อนที่จำเลยที่ ๒ จะออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้ธนาคารเจ้าหนี้เพียง ๗ วัน จำเลยที่ ๒ เป็นหนี้ธนาคารเจ้าหนี้ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีอยู่เป็นจำนวนถึง ๖๙๑,๕๙๑.๔๓ บาท จนกระทั่งธนาคารเจ้าหนี้ต้องถอนเงินต้นและดอกเบี้ยจากบัญชีเงินฝากประจำซึ่งจำเลยมอบให้เป็นประกันมาชำระหนี้ แต่จำเลยก็ยังคงเป็นหนี้ธนาคารเจ้าหนี้อยู่อีก ๒๙๑,๔๗๒.๕๔ บาท อัตราดอกเบี้ยทบต้นร้อยละ ๑๐ ต่อปี หนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกันและเลยกำหนดเวลาชำระหนี้ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีแล้ว การที่ธนาคารเจ้าหนี้ยอมให้จำเลยกู้เงินอีก ๔๐๓,๐๐๐ บาท โดยให้จำเลยที่ ๒ ออกตั๋วสัญญาใช้เงินกำหนดใช้เงินคืนภายใน ๒ วันนั้น เห็นได้ว่าจำเลยไม่อยู่ในฐานะที่จะชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินได้ หนี้รายนี้จึงเป็นหนี้ที่ธนาคารเจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อธนาคารเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ธนาคารเจ้าหนี้จึงไม่อาจขอรับชำระหนี้รายนี้ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.๒๔๘๓ มาตรา ๙๔ (๒)
พิพากษายืน.