คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 202/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ของกลางที่จะพึงริบตามมาตรา 29 นั้นจะต้องเป็นของที่เกี่ยวแก่การกระทำผิดในการค้ากำไรโดยตรงตามมาตรา 18 ส่วนสิ่งของที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำผิด ตามมาตรา 17 คือกระทำฝ่าฝืนประกาศหรือคำสั่งคณะกรรมการหรือของพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่เป็นของอันจะพึงริบตามมาตรา 29
สุกรของกลางที่นำออกนอกเขตต์จังหวัดฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการฯ ไม่เป็นของอันจะพึงริบ ให้คืนเจ้าของไป
เมื่อไม่มีของกลางที่ศาลได้สั่งให้ริบไว้ คงให้จ่ายเงินรางวัลจากค่าปรับเท่านั้น

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยนำสุกร ๒ ตัวส่งออกนอกเขตต์จังหวัดน่าน ฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการฯ มีผู้แจ้งความนำเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยสุกรของกลาง
ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกับศาลชั้นต้นที่พิพากษาปรับจำเลย ๕๐ บาท โดยลดกึ่งหนึ่งแล้วตามพ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร ๒๔๙๐ มาตรา ๘, ๑๗, ๓๐ และให้ริบของกลางกับให้จำเลยเสียเงินสินบลนำจับ ส่วนเงินรางวัลผู้จับไม่บังคับให้
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร ๒๔๙๐ มาตรา ๓๐ บัญญัติแต่ในเรื่องค่าสินบลนำจับ หาได้บัญญัติให้ยกเลิกเงินรางวัลผู้จับไม่ (ฎีกาที่ ๑๙๓๓/๒๔๙๒)
ส่วนสุกรของกลางที่ศาลล่างทั้งสองให้ริบนั้น ศาลฎีกาได้วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่แล้วเห็นว่า สิ่งของที่จะพึงริบตามมาตรา ๒๙ พ.ร.บ. ป้องกันการค้ากำไรเกินควร ๒๔๙๐ นั้นจะต้องเป็นสิ่งของที่เกี่ยวแก่การกระทำผิดในการค้ากำไรโดยตรงตามบทบัญญัติมาตรา ๑๘ ส่วนสิ่งของที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำผิดตามมาตรา ๑๗ คือ กระทำฝ่าฝืนประกาศหรือคำสั่งของคณะกรรมการฯ หรือของพนักงานเจ้าหน้าที่ ไม่ใช่เป็นของอันจะพึงริบสุกร ๒ ตัวของกลาง จำเลยนำส่งออกนอกเขตต์จังหวัดน่าน เป็นการฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการฯ อันเป็นความผิดตามมาตรา ๑๗ จึงไม่ใช่เป็นของอันจะพึงริบตามมาตรา ๒๙
พิพากษาแก้ให้จ่ายเงินรางวัลร้อยละ ๒๕ ของค่าปรับ ส่วนสุกรของกลางให้คืนไป

Share