คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 282/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีที่ทำขึ้นเป็นภาษาต่างประเทศและมีคำแปลเป็นภาษาไทยนั้น เป็นเอกสารที่ทำขึ้นและส่งต่อศาลชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 46 แล้ว ถึงแม้จะปิดอากรแสตมป์ที่ต้นฉบับภาษาต่างประเทศเท่านั้นก็เป็นการปิดอากรแสตมป์ที่ต้นฉบับตราสารชอบด้วยมาตรา 118 แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว จึงรับฟังเป็นพยานเอกสารได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคล จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดที่ประเทศมาเลเซีย โจทก์เปิดดำเนินกิจการสาขาอยู่ในประเทศไทยด้วยนายลิม เซ็ง ไลผู้จัดการสาขาในประเทศไทยเป็นผู้รับมอบอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายและเป็นผู้มีอำนาจดำเนินคดีฟ้องร้องในนามโจทก์ได้ตามสำเนาหนังสือมอบอำนาจพร้อมคำแปลท้ายฟ้อง โจทก์ได้ฟ้องให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้หนี้เบิกเงินเกินบัญชีเป็นเงิน 179,407.47 บาทพร้อมดอกเบี้ย จำเลยทั้งสองทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยจำเลยทั้งสองยอมชำระเงินแก่โจทก์ 149,461.91 บาท ภายใน 3 เดือนนับแต่วันทำยอม จำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ ศาลแพ่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์จำเลยทั้งสองปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีทรัพย์สินที่จะยึดส่วนจำเลยที่ 2 ยึดได้จักรยานยนต์เพียงคันเดียวราคา 3,000 บาท จำเลยทั้งสองมีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย

ในชั้นแรกจำเลยที่ 1 มิได้ให้การ จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ครั้นถึงวันนัดสืบพยานจำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียว แล้วมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาด จำเลยที่ 1 ขอให้พิจารณาคดีใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่เฉพาะจำเลยที่ 1

จำเลยที่ 1 ให้การว่านายลิม เซ็ง ไล มิได้รับมอบอำนาจให้ฟ้องคดีในนามโจทก์ลายมือชื่อในเอกสารท้ายฟ้องปลอม จำนวนหนี้ตามฟ้องไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง และได้คิดดอกเบี้ยทบต้นเข้าด้วย จำเลยมีทรัพย์สินและกิจการค้ามีทางชำระหนี้ให้โจทก์ได้ มิใช่เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 1 เด็ดขาด

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์มอบอำนาจให้นายลิม เซ็ง ไลผู้จัดการสาขาโจทก์ในประเทศไทยฟ้องให้พิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาด และพิพากษาให้จำเลยทั้งสองล้มละลาย ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาดแล้ว

ในปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ว่าหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ที่มอบอำนาจให้นายลิม เซ็ง ไล ฟ้องคดีนี้ปิดอากรแสตมป์ในฉบับภาษาอังกฤษ กฎหมายให้รับฟังตราสารที่เป็นภาษาไทย ไม่ให้รับฟังตราสารที่เป็นภาษาต่างประเทศ หนังสือมอบอำนาจฉบับภาษาไทยไม่ได้ปิดอากรแสตมป์จึงรับฟังเป็นพยานในคดีนี้ไม่ได้นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าปรากฏตามคำฟ้องและคำให้การของจำเลยที่ 1 กับคำเบิกความของนายชาญวุฒิพยานโจทก์ว่า หนังสือมอบอำนาจของโจทก์ที่มอบอำนาจให้นายลิม เซ็ง ไลฟ้องคดีนี้เป็นภาษาต่างประเทศปิดอากรแสตมป์แล้วตามเอกสารท้ายฟ้อง และมีคำแปลหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวเป็นภาษาไทยตามคำแปลท้ายฟ้อง เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ได้นำสืบหักล้างคำแปลงภาษาไทยว่าไม่ถูกต้องกับต้นฉบับภาษาต่างประเทศอย่างไร จึงถือได้ว่าคำแปลนั้นถูกต้อง และทั้งต้นฉบับภาษาต่างประเทศพร้อมคำแปลดังกล่าวเป็นเอกสารที่ทำขึ้นและส่งต่อศาลชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 46 แล้วถึงแม้จะปิดอากรแสตมป์ที่ต้นฉบับภาษาต่างประเทศเท่านั้นก็เป็นการปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ที่ต้นฉบับของตราสารชอบด้วยมาตรา 118แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้

พิพากษายืน

Share