คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 282/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศฟิลิปปินส์ ได้รับปริญญา “ดอกเตอร์ ออฟ ออปโต เมตรี” แปลว่า “จักษุแพทย์ศาสตร์บัณฑิต” ซึ่งความหมายของ “จักษุแพทย์” นั้น ได้แก่ผู้ตรวจสอบสายตา ผู้ประกอบแว่น (ไม่ได้หมายถึงผู้รักษาตาด้วยยาหรือการผ่าตัด) จำเลยได้รับอนุญาตให้ตั้งสถานพยาบาลแผนปัจจุบัน สาขาเวชกรรม ซึ่งมีแพทย์ประจำ แต่ตัวจำเลยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเมื่อจำเลยสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำเลยได้พิมพ์นามบัตรและใบปลิวโฆษณา มีคำว่า จักษุแพทย์ และชื่อสถานพยาบาลของจำเลย แต่ไม่ได้แสดงออกซึ่งการกระทำใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่ได้แสดงใบปลิว และนามบัตรว่าได้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเกี่ยวกับการตรวจ การป้องกันและการบำบัดโรคตา และพร้อมที่จะประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามใบปลิวและนามบัตรที่ใช้โฆษณานั้น ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะแสดงวิทยฐานะทางการศึกษา กับแสดงหลักฐานการประกอบอาชีพเพื่อหาคะแนนจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งเท่านั้นหาได้มีเจตนาที่จะแสดงว่า จำเลยพร้อมที่จะประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม บังอาจพิมพ์ใบปลิวและนามบัตรโฆษณาต่อประชาชนว่า จำเลยเป็นจักษุแพทย์มีสถานพยาบาลชื่อสยามคอนแท็คเลนส์คลีนิค อยู่เลขที่ ๒/๗ ถนนสุขุมวิท ๑๘ แขวงคลองเตย อันแสดงว่าพร้อมที่จะประกอบวิชาชีพเวชกรรม ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๔, ๒๑, ๓๖ และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเชื่อว่าจำเลยแสดงตนพร้อมที่จะประกอบวิชาชีพเวชกรรมรักษาโรคทางตา โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ มาตรา ๒๑, ๓๖ จำคุก ๑ ปี และปรับ ๓,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ๒ ปี ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยเพียงแต่แสดงวิทยฐานะทางการศึกษากับชื่อที่ตั้งสถานพยาบาลของจำเลย มิใช่แสดงว่าพร้อมที่จะประกอบวิชาชีพเวชกรรม พิพากษากลับให้ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยศึกษาที่มหาวิทยาลัยมนิลากลาง ประเทศฟิลิปปินส์ ได้รับปริญญา เรียกชื่อว่า “ดอกเตอร์ ออฟ ออปโต เมตรี” ซึ่งมีคำแปลว่า”จักษุแพทย์ศาสตร์บัณฑิต” ความหมายของจักษุแพทย์นั้นปรากฏตามเอกสารหมาย ล.๒ ว่าได้แก่ ผู้ตรวจสอบสายตา ผู้ประกอบแว่น (ไม่หมายถึงผู้รักษาตาด้วยยาหรือการผ่าตัด) จำเลยได้รับอนุญาตให้ตั้งสถานพยาบาลแผนปัจจุบัน สาขาเวชกรรม ชื่อสยามคอนแท็คเลนส์คลีนิค แล้วจำเลยสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงพิมพ์นามบัตรกับใบปลิวที่ใช้โฆษณามีคำว่า จักษุแพทย์ และชื่อสถานพยาบาลของจำเลย ถึงแม้จำเลยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม จากคณะกรรมการแพทยสภาและทางสมาคมจักษุ โสต ศอ นาสิกแพทย์แห่งประเทศไทย แจ้งให้แพทยสภาทราบว่าปริญญาของจำเลยถือว่าเป็นจักษุแพทย์ไม่ได้ ก็เป็นแต่เพียงวิทยฐานะทางการศึกษาของจำเลยนั้น ไม่อยู่ภายในข้อบังคับที่จะเข้าเป็นสมาชิกของแพทยสภา และมิใช่ความรู้ในวิชาชีพเวชกรรมของผู้ขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตตามมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ที่แพทยสภาจะอนุมัติหรือออกวุฒิบัตรแสดงความรู้หรือความชำนาญให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เท่านั้น ส่วนการที่จำเลยมีสถานพยาบาลด้วยก็ปรากฏว่าจำเลยได้รับอนุญาตให้ตั้งสถานพยาบาลแผนปัจจุบันสาขาเวชกรรม ซึ่งมีแพทย์ประจำ โดยจำเลยมิได้รักษาโรคตา ทั้งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงอื่นใดอีกว่า การที่จำเลยโฆษณาหาเสียงสมัครรับเลือกตั้งดังกล่าวได้มีการแสดงออกซึ่งการกระทำใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่ได้แสดงใบปลิวและนามบัตรว่าเป็นจักษุแพทย์ ตามใบปลิวและนามบัตรที่ใช้โฆษณานั้น ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยมีเจตนาจะแสดงวิทยฐานะทางการศึกษาตามที่เรียนสำเร็จและได้รับปริญญาบัตรมากับแสดงหลักฐานการประกอบอาชีพ เพื่อจะหาคะแนนจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการที่จำเลยสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้นหาได้มีเจตนาที่จะแสดงว่า จำเลยพร้อมที่จะประกอบวิชาชีพเวชกรรมอันจะเป็นความผิดตามฟ้องไม่
พิพากษายืน

Share