คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2819/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่1และที่3ระบุว่าจำเลยที่1และที่3ได้ชำระค่าเช่าซื้อและค่าเสียหายให้แก่โจทก์ไปบางส่วนแล้วหากจำเลยที่1และที่3มีโอกาสต่อสู้คดีแล้วย่อมทำให้ผลของคำพิพากษาคดีเปลี่ยนแปลงไปเพราะจำเลยที่1และที่3มิได้เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องอีกทั้งค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องเกินความจริงเมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระหนี้ให้แก่โจทก์ไม่เต็มตามฟ้องข้ออ้างของจำเลยที่1และที่3ที่ว่าหากจำเลยที่1และที่3มีโอกาสต่อสู้คดีแล้วย่อมทำให้ผลของคำพิพากษาคดีเปลี่ยนแปลงไปเพราะจำเลยที่1และที่3มิได้เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องจึงเป็นเพียงข้อโต้เถียงว่าฟ้องของโจทก์ไม่ถูกต้องแต่ไม่ได้แสดงเหตุโดยละเอียดชัดแจ้งว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นไม่ชอบหรือไม่ถูกต้องในส่วนใดอย่างไรดังนั้นคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่1และที่3ถือไม่ได้ว่าได้แสดงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียดชัดแจ้งจึงเป็นคำขอที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา208วรรคสอง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 118,751 บาท เพราะเหตุจำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์ โดยมีจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นผู้ค้ำประกันยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม จำเลยที่ 1 ผิดสัญญา โจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว จำเลยทั้งสามขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 92,727 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 1,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี คำขอนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ยื่นคำร้องว่า การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง ตลอดจนหมายแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 3 นั้น ได้ส่งไปยังภูมิลำเนาเดิมซึ่งจำเลยที่ 1 และที่ 3 ได้ย้ายไปนานแล้ว จำเลยที่ 1 และที่ 3มิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา จำเลยที่ 1 และที่ 3ได้ชำระค่าเช่าซื้อและค่าเสียหายให้แก่โจทก์ไปบางส่วนแล้วหากจำเลยที่ 1 และที่ 3 มีโอกาสต่อสู้คดีแล้วย่อมทำให้ผลของคำพิพากษาคดีเปลี่ยนแปลงไป เพราะจำเลยที่ 1 และที่ 3 มิได้เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้อง อีกทั้งค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องเกินความจริง ขอให้พิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ให้ยก คำร้อง
จำเลย ที่ 1 และ ที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ที่ 1 และ ที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 1และที่ 3 ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 1และที่ 3 ระบุว่า จำเลยที่ 1 และที่ 3 ได้ชำระค่าเช่าซื้อและค่าเสียหายให้แก่โจทก์ไปบางส่วนแล้ว หากจำเลยที่ 1 และที่ 3มีโอกาสต่อสู้คดีแล้วย่อมทำให้ผลของคำพิพากษาคดีเปลี่ยนแปลงไปเพราะจำเลยที่ 1 และที่ 3 มิได้เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้อง อีกทั้งค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องเกินความจริง เห็นว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระหนี้ให้แก่โจทก์ไม่เต็มตามฟ้องข้ออ้างของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ที่ว่า หากจำเลยที่ 1 และที่ 3มีโอกาสต่อสู้คดีแล้วย่อมทำให้ผลของคำพิพากษาคดีเปลี่ยนแปลงไปเพราะจำเลยที่ 1 และที่ 3 มิได้เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้อง เป็นเพียงข้อโต้เถียงว่าฟ้องของโจทก์ไม่ถูกต้อง แต่ไม่ได้แสดงเหตุโดยละเอียดชัดแจ้งว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้นไม่ชอบหรือไม่ถูกต้องในส่วนใดอย่างไร ดังนั้น คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 1 และที่ 3ถือไม่ได้ว่าได้แสดงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียดชัดแจ้ง จึงเป็นคำขอที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคสอง
พิพากษายืน

Share