แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีนี้ได้มีการประกาศขายทอดตลาด 2 ครั้งในการนำประกาศขายทอดตลาดครั้งแรกไปแจ้งแก่จำเลยเจ้าหน้าที่ส่งหมายรายงานว่าบ้านของจำเลยได้รื้อไปแล้วเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงเรียกผู้แทนโจทก์มาแถลงเกี่ยวกับภูมิลำเนาของจำเลย ผู้แทนโจทก์แถลงว่า ได้ติดต่อเพื่อสืบหาที่อยู่ของจำเลย และปรากฏว่าไม่พบตามทะเบียนราษฎร์จึงขอประกาศหนังสือพิมพ์แจ้งให้จำเลยทราบแทนการส่งหมาย และในวันประกาศขายทอดตลาดครั้งที่ 1 ทนายจำเลยก็แถลงเพื่อขอคัดเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการขายทอดตลาดครั้งนี้ นอกจากนั้นทนายจำเลยยังยื่นคำแถลงคัดค้านเกี่ยวกับราคาที่ขายว่ายังต่ำไป ดังนี้ เมื่อบ้านเลขที่ 174อันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยกำลังถูกรื้อ โดยจำเลยมีพฤติการณ์ปกปิดภูมิลำเนาอันแท้จริงของตน จึงเป็นกรณีที่ไม่อาจส่งประกาศกำหนดวันนัดขายทอดตลาดให้จำเลยณ ภูมิลำเนาดังกล่าวของจำเลยขณะโจทก์ฟ้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 74(2) และการที่จำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าถูกเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์และประกาศขายทอดตลาดและแจ้งให้จำเลยทราบโดยประกาศหนังสือพิมพ์แล้ว แต่จำเลยหาได้คัดค้านว่าการแจ้งให้จำเลยโดยประกาศหนังสือพิมพ์ไม่ถูกต้องทั้งจำเลยมิได้แจ้งให้ศาลหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบว่าในการขายทอดตลาดครั้งต่อไป ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งให้จำเลยทราบ ณ ภูมิลำเนาใหม่ของจำเลยพฤติการณ์ของจำเลยเช่นนี้จึงเป็นการยอมรับว่าการแจ้งกำหนดวันขายทอดตลาดให้จำเลยทราบโดยประกาศหนังสือพิมพ์ถูกต้องแล้ว กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ขอให้บังคับคดีโดยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 50493 พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 3 ออกขายทอดตลาด โดยนายภูมิพันธ์ บุญนาจเสวีเป็นผู้ซื้อได้ในราคา 370,000 บาท
จำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้แจ้งกำหนดนัดขายทอดตลาดให้จำเลยที่ 3 ทราบ ณ ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 3 แต่ใช้วิธีประกาศหนังสือพิมพ์ เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด
โจทก์และผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำร้องคัดค้านว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีส่งประกาศขายทอดตลาดไปที่ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 3 ซึ่งระบุไว้ในคำฟ้อง คำให้การที่จำเลยที่ 3 เคยยื่นไว้แล้ว แต่ไม่สามารถส่งได้ จึงประกาศทางหนังสือพิมพ์และจำเลยที่ 3 ก็ทราบนัดขายทอดตลาดแล้ว จึงไม่อาจเพิกถอนการขายทอดตลาดได้ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 และคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 3แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 3 แล้ว มีคำสั่งให้เพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 50493 พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 3 และให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดใหม่
ผู้ซื้อทรัพย์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 3
จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 3 ฎีกาข้อเดียวว่า การประกาศขายทอดตลาดไม่ชอบ เพราะไม่ได้แจ้งกำหนดนัดขายทอดตลาดให้จำเลยที่ 3 ทราบนายพงษ์เทพ เจริญดิเรกทรัพย์ บุตรจำเลยที่ 3เบิกความเป็นพยานว่า เดิมจำเลยที่ 3 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพมหานครเมื่อปี 2522 ได้ย้ายมามีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมาอยู่ที่บ้านเลขที่ 174 ถนนจันทร์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ต่อมาปี 2526 จำเลยที่ 3 ได้ย้ายภูมิลำเนาจากบ้านเลขที่ 174 ดังกล่าวมาอยู่ บ้านเลขที่ 2/87 หมู่ที่ 18 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา บ้านเลขที่ 2/87 ดังกล่าว ต่อมาเปลี่ยนเป็นบ้านเลขที่ 208 ซอยมิตรภาพ 15 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา เมื่อปี 2528 และปี 2529 ที่มีการฟ้องคดีนี้ จำเลยที่ 3 มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 208 ไม่ได้อยู่ที่ภัตตาคารมณเฑียรทอง เมื่อจำเลยที่ 3 ย้ายออกจากบ้านเลขที่ 174 แล้วพยานไม่เคยมาอยู่บ้านหลังดังกล่าวอีกเลย นายสมบัติ ศิริเจริญ ผู้รับมอบอำนาจโจทก์เบิกความเป็นพยานโจทก์ว่า ได้นำเจ้าหน้าที่ของสำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ภูมิภาคที่ 3 ไปทำการส่งประกาศขายทอดตลาดแก่จำเลยที่ 3 ที่บ้านเลขที่ 174 การส่งครั้งแรกพบจำเลยที่ 3 อยู่ในบ้าน แต่จำเลยที่ 3 ไม่ยอมรับหมาย หลังจากนั้นเกือบเดือนได้นำเจ้าหน้าที่ไปส่งประกาศแก่จำเลยที่ 3 ที่บ้านหลังดังกล่าวอีกพบบ้านจำเลยที่ 3 กำลังถูกรื้อ ได้สอบถามคนข้างบ้านแต่ไม่มีใครทราบว่าคนในบ้านย้ายไปอยู่ที่ไหน จึงขอให้เจ้าหน้าที่ปิดประกาศ เพราะบ้านยังรื้อไม่หมด แต่เจ้าหน้าที่ให้มาสอบถามนายชาตรีเจ้าพนักงานบังคับคดีก่อนพยานได้สอบถามนายชาตรี นายชาตรีให้เขียนคำแถลง ก่อนเขียนคำแถลงได้ไปค้นหาที่อยู่ของจำเลยที่ 3 ที่สำนักงานทะเบียนเทศบาลเมืองนครราชสีมาแต่ค้นหาไม่พบ จึงได้ยื่นคำแถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อขอส่งประกาศขายทอดตลาดทางประกาศหนังสือพิมพ์ ในการขายทอดตลาดบางครั้ง จำเลยที่ 3 ได้แถลงคัดค้าน เห็นว่า จำเลยที่ 3 ย้ายจากบ้านเลขที่ 174 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมาจังหวัดนครราชสีมา ไปอยู่บ้านเลขที่ 2/87 หมู่ที่ 18 ตำบลบ้านใหม่อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่16 มีนาคม 2526 และย้ายออกจากบ้านเลขที่ดังกล่าวไปอยู่บ้านเลขที่ 12 ถนนพหลโยธิน ตำบลหนองแค อำเภอหนองแคจังหวัดสระบุรี ในวันที่ 18 มีนาคม 2526 แล้วย้ายกลับมาอยู่บ้านเลขที่ 2/87 (หรือ 208) ดังเดิมเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2526ปรากฏตามเอกสารหมาย คล.3 แต่ตามคำให้การของจำเลยที่ 3ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2528 ก็ดี คำร้องขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดีของจำเลยที่ 3 ลงวันที่ 1 กันยายน 2532 ก็ดี จำเลยที่ 3 กลับระบุภูมิลำเนาว่าอยู่บ้านเลขที่ 174 ถนนจันทร์ ตำบลในเมืองอำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งไม่ตรงกับความจริงเพราะในวันดังกล่าวจำเลยที่ 3 ไม่ได้มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ 174 แต่อย่างใด ทั้งปรากฏว่าก่อนหน้านั้นจำเลยที่ 3ได้ย้ายภูมิลำเนาไปบ้านเลขที่อื่นอีกแห่งในเวลาใกล้เคียงกันพฤติการณ์ของจำเลยที่ 3 ดังกล่าวจึงเป็นการปกปิดภูมิลำเนาอันแท้จริงของตน พยานจำเลยที่ 3 มีพิรุธไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อนายชาตรี สุทธิวานิช เจ้าพนักงานบังคับคดีเบิกความเป็นพยานโจทก์ว่าคดีนี้ได้มีการประกาศขายทอดตลาด 2 ครั้ง ในช่วงที่พยานยังคงรับราชการอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา ในการนำประกาศขายทอดตลาดครั้งแรกไปแจ้งแก่จำเลยที่ 3 นั้น เจ้าหน้าที่ส่งหมายรายงานว่าบ้านของจำเลยที่ 3 ได้รื้อไปแล้ว พยานจึงเรียกผู้แทนโจทก์มาแถลงเกี่ยวกับภูมิลำเนาของจำเลยที่ 3 ผู้แทนโจทก์แถลงว่าได้ติดต่อเพื่อสืบหาที่อยู่ของจำเลยที่ 3 เมื่อพยานโจทก์เบิกความสอดคล้องกับข้อเท็จจริงฟังได้ว่าบ้านเลขที่ 174กำลังถูกรื้อจึงเป็นกรณีที่ไม่อาจส่งประกาศกำหนดวันนัดขายทอดตลาดให้จำเลย ณ ภูมิลำเนาของจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 74(2) และการที่ทนายจำเลยยื่นคำแถลงขอถ่ายรายงานและบันทึกการยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดี รายงานการขายทอดตลาดเพื่อที่จำเลยจะได้ศึกษาเข้าใจรายละเอียด แสดงว่าจำเลยทราบดีอยู่แล้วว่า ถูกเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์และประกาศขายทอดตลาดและแจ้งให้จำเลยทราบ โดยประกาศหนังสือพิมพ์ แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้คัดค้านว่า การแจ้งให้จำเลยโดยประกาศหนังสือพิมพ์ไม่ถูกต้องและแจ้งให้ศาลหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบว่าในการขายทอดตลาดครั้งต่อไปให้แจ้งให้จำเลยทราบ ณ ภูมิลำเนาของจำเลยซึ่งอยู่ที่บ้านเลขที่ 208 พฤติการณ์ของจำเลยจึงเป็นการยอมรับว่าการแจ้งกำหนดวันขายทอดตลาดให้จำเลยที่ 3ทราบโดยประกาศหนังสือพิมพ์ถูกต้องแล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่าการส่งประกาศวันนัดการขายทอดตลาดให้จำเลยที่ 3 ทราบโดยประกาศหนังสือพิมพ์ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 79 แล้ว
พิพากษายืน