แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลพิพากษาลงโทษปรับจำเลยที่ 1 ตามพระราชบัญญัติการพนันฯ ในคดีอื่นมาแล้ว 3 คดี ซึ่งจำเลยที่ 1 ได้ชำระค่าปรับตามที่ศาลลงโทษทุกคดีโดยมิได้อุทธรณ์ฎีกาคดีถึงที่สุดแล้ว ดังนี้ถือว่าจำเลยที่ 1 ได้พ้นโทษในคดีที่ศาลได้ลงโทษปรับมาแล้ว แล้วมา กระทำผิดคดีนี้อีกซึ่งยัง ไม่พ้นกำหนด 3 ปี จึงเพิ่มโทษจำเลยที่ 1 ตามพระราชบัญญัติ การพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 14 ทวิ ได้ เมื่อขณะศาลชั้นต้นพิพากษาคดีนี้ คดีที่ศาลรอการลงโทษจำเลยไว้ก่อนคดีนี้ยังไม่ถึงที่สุดโดยอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ศาลชั้นต้นจึงยังไม่อาจนำโทษที่รอไว้ในคดีดังกล่าวมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 58 วรรคแรก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันเล่นการพนันไพ่แปดเก้าพนันเอาทรัพย์สินกันโดยจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าสำนัก จำเลยที่ 3เป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ ส่วนจำเลยนอกนั้นเข้าเล่น จำเลยที่ 1ที่ 2 ที่ 4 ที่ 5 เคยต้องคำพิพากษาของศาลชั้นต้นดังนี้จำเลยที่ 1 ฐานเล่นการพนันไพ่แปดเก้าคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 797/2538, 1299/2538, 1156/2539 และ 2389/2539 จำเลยที่ 2 ฐานเล่นการพนันไพ่แปดเก้าคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4058/2539 จำเลยที่ 4 ฐานเล่นการพนันไพ่แปดเก้าคดีอาญาหมายเลขแดง ที่ 797/2538 และที่ 2389/2539 จำเลยที่ 5 ฐานเล่นการพนันไพ่แปดเก้าคดีอาญา หมายเลขแดงที่ 1156/2539 และที่ 2389/2539 ภายในระยะเวลาที่ศาลรอการลงโทษสำหรับจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 ที่ 5 พ้นโทษไปยังไม่ครบกำหนด 3 ปี กลับมากระทำผิดตามพระราชบัญญัติการพนันในคดีนี้อีก ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 14 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 58 ให้ริบของกลาง ให้จ่ายสินบนนำจับตามกฎหมาย และเพิ่มโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 ที่ 5 และนำโทษสำหรับจำเลยที่ 1 ที่ศาลรอการลงโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1156/2539 ของศาลชั้นต้นมาบวกเข้ากับโทษของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้
จำเลยทั้งเจ็ดให้การรับสารภาพและจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4และที่ 5 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษและบวกโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งเจ็ดมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 12(1), 14 ทวิ จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 เดือน จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 6 เดือน และปรับ 5,000 บาท จำเลยนอกนั้นปรับคนละ 2,000 บาท เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 ที่ 5 เป็นโทษทั้งจำทั้งปรับตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2485 มาตรา 14 ทวิ เป็นเพิ่มโทษปรับจำเลยที่ 1 จำนวน 5,000 บาท รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด6 เดือน และปรับ 5,000 บาท จำเลยที่ 2 ที่ 4 และที่ 5 เพิ่มโทษจำคุกคนละ 2 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 4 ที่ 5 คนละ 2 เดือนและปรับคนละ 2,000 บาท จำเลยทั้งเจ็ดให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 3 เดือน และปรับ 2,500จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 3 เดือน และปรับ 2,500 บาทจำเลยที่ 2 ที่ 4 และที่ 5 คงจำคุกคนละ 1 เดือน และปรับคนละ1,000 บาท โทษจำคุกจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 1 ปี จำเลยที่ 6 และที่ 7 คงปรับคนละ 1,000 บาทส่วนจำเลยที่ 1 ไม่รอการลงโทษและบวกโทษจำคุก 6 เดือน ที่รอการลงโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1156/2539 รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 9 เดือนและปรับ 2,500 บาท จำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ของกลางให้ริบ และให้จำเลยทั้งเจ็ดจ่ายสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับ
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยที่ 1 มีว่า การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1โดยเพิ่มโทษและนำโทษที่รอไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1156/2539ก่อนคดีนี้มาบวกกับโทษในคดีนี้เป็นการชอบหรือไม่กับมีเหตุสมควรรอการลงโทษจำเลยที่ 1 ในคดีนี้หรือไม่
พิเคราะห์แล้ว จากรายละเอียดประวัติอาชญากรท้ายฟ้องปรากฏว่า ก่อนคดีนี้จำเลยที่ 1 เคยกระทำผิดฐานเล่นการพนันมาแล้ว 4 คดี โดยคดีแรกเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2538ศาลพิพากษาลงโทษปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 500 บาท ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 797/2538 คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2538 ศาลพิพากษาลงโทษปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 1,000บาท ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1299/2538 คดีที่ 3 เมื่อวันที่22 เมษายน 2539 ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1156/2539 และคดีที่ 4 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2539 ศาลพิพากษาลงโทษปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 2,000 บาท ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2389/2539 จำเลยที่ 1 ได้มากระทำความผิดคดีนี้เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2540 แม้จะอยู่ในระหว่างที่ศาลรอการลงโทษจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1156/2539 และคดียังไม่ถึงที่สุด เพราะอยู่ในระหว่างฎีกาตามที่จำเลยที่ 1 อ้างมาก็ตาม แต่ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 14 ทวิซึ่งได้บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำความผิดต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัตินี้เมื่อพ้นโทษมาแล้วยังไม่ครบกำหนดสามปี กระทำความผิดต่อพระราชบัญญัตินี้อีกให้เพิ่มโทษตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตาม(1) และ (2) แม้จะเพิ่มโทษจำเลยที่ 1 ไม่ได้เพราะคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1156/2539 ยังคงอยู่ในระยะเวลาระหว่างฎีกาดังที่จำเลยที่ 1 อ้างมาก็ตาม แต่ปรากฏว่าทั้งก่อนและหลังคดีที่จำเลยที่ 1 อ้างดังกล่าวจำเลยที่ 1 ได้กระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 โดยศาลได้พิพากษาลงโทษปรับจำเลยที่ 1 มาแล้ว ถึง 3 คดี ซึ่งจำเลยที่ 1 ก็ได้ชำระค่าปรับตามที่ศาลลงโทษเรียบร้อยทุกคดีโดยมิได้อุทธรณ์ฎีกาคดีถึงที่สุดแล้วนั้น แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้พ้นโทษในคดีที่ศาลได้ลงโทษปรับก่อนคดีนี้มา 3 คดีแล้ว แล้วจำเลยที่ 1มากระทำผิดคดีนี้อีกซึ่งเห็นได้ว่ายังไม่พ้นกำหนด 3 ปี จึงเพิ่มโทษจำเลยที่ 1 ตามพระราชบัญญัตินี้ได้ ส่วนในปัญหาที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ศาลชั้นต้นจะนำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1156/2539 มาบวกกับโทษในคดีนี้ได้หรือไม่ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 วรรคแรก บัญญัติว่าเมื่อความปรากฏแก่ศาลเอง หรือความปรากฏตามคำแถลงของโจทก์หรือเจ้าพนักงานว่า ภายในเวลาที่ศาลกำหนดตามมาตรา 56 ผู้ที่ถูกศาลพิพากษาได้กระทำความผิดอันมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษและศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิดนั้นให้ศาลที่พิพากษาคดีหลังบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีหลัง ข้อเท็จจริงจากฎีกาจำเลยที่ 1 ซึ่งโจทก์มิได้แก้ฎีกาโต้แย้งได้ความว่า โทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1156/2539 ที่ศาลรอการลงโทษและศาลล่างทั้งสองได้นำมาบวกกับคดีนี้นั้นจำเลยที่ 1 ได้ยื่นฎีกา วันที่ 19 พฤษภาคม 2540แสดงว่าคดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด ศาลชั้นต้นได้พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 คดีนี้ในวันที่ 14 มกราคม 2540 ก่อนคดีถึงที่สุดศาลชั้นต้นจึงยังไม่อาจนำโทษที่รอการลงโทษก่อนคดีนี้มาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 วรรคแรกดังกล่าวข้างต้นได้ ฎีกาของจำเลยที่ 1 ในเหตุที่ว่านี้ฟังขึ้น
สำหรับปัญหาว่าสมควรรอการลงโทษในคดีนี้แก่จำเลยที่ 1หรือไม่นั้น เห็นว่าก่อนจำเลยที่ 1 กระทำความผิดในคดีนี้จำเลยที่ 1 กระทำความผิดเช่นเดียวกับคดีนี้มาแล้วถึง 4 คดีโดยเฉพาะคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1156/2539 ศาลได้เคยปรานีรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยที่ 1 เพื่อให้กลับตนเป็นพลเมืองดีมาครั้งหนึ่งแล้วแม้คดีที่ว่านี้จะยังไม่ถึงที่สุด จำเลยที่ 1ก็ควรจะสังวรไม่กระทำความผิดเช่นนี้อีกพฤติการณ์ของจำเลยที่ 1ตามที่ปรากฏมาดังกล่าวข้างต้นแสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยที่ 1ไม่รู้สำนึกในความผิดไม่รู้สึกหลาบจำกลับมากระทำความผิดในครั้งนี้อีก จึงไม่สมควรรอการลงโทษให้แก่จำเลยที่ 1ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น และเมื่อไม่รอการลงโทษให้แก่จำเลยที่ 1 แล้ว จึงเห็นสมควรไม่กำหนดโทษปรับจำเลยที่ 1 อีก”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 12, 14 ทวิ(1) จำคุก 6 เดือนเมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้ว คงให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด3 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1