คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2816/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

สัญญาจ้างว่าความระหว่างโจทก์ ซึ่งเป็นทนายความกับจำเลยซึ่งเป็นลูกความ ตกลงกันว่า ถ้าลูกความชนะคดีได้ที่ดินที่เป็นมูลพิพาทมาเท่าใด ทนายความขอส่วนได้จากที่ดินที่จะได้มา ไม่ว่าราคาจะขึ้นลงสักเท่าใด อันเป็นการไม่แน่นอน อันถือได้ว่าโจทก์ซึ่งเป็นทนายความรับว่าความโดยวิธีแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาทอันจะพึงได้แก่ลูกความมีวัตถุประสงค์ขัดต่อพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2508 มาตรา 41 ประกอบพระราชบัญญัติทนายความพ.ศ. 2477 มาตรา 12(2) เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 113 เดิม (มาตรา 150 ที่แก้ไขใหม่) แม้ต่อมาจะได้มีพระราชบัญญัติ ทนายความ พ.ศ. 2528 ให้ยกเลิก พระราชบัญญัติทนายความพ.ศ. 2508 ไปแล้ว แต่สัญญาจ้างว่าความที่โจทก์นำมาฟ้องนั้นทำขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2524 ก่อนกฎหมายดังกล่าวยกเลิก จึงไม่ทำให้สัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยซึ่งตกเป็นโมฆะมาตั้งแต่วันทำสัญญาแล้วกลับสมบูรณ์ขึ้นได้อีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าจ้างว่าความ จำนวน722,400 บาท แก่โจทก์ หากไม่ชำระให้จำเลยทำการขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 4875 ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี เป็นโฉนดใหม่ให้โจทก์ โดยมีเนื้อที่ 17 ไร่ 3 งาน34 ตารางวา ชำระหนี้แทนเงิน ภายใน 30 วัน นับแต่วันมีคำพิพากษาหากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลย
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ข้อตกลงตามสัญญาจ้างว่าความที่โจทก์ฟ้องเป็นการเรียกค่าจ้างว่าความโดยวิธีแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาทอันจะพึงได้แก่คู่ความเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนเป็นโมฆะ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2524 จำเลยได้จ้างโจทก์เป็นทนายความฟ้องนายประกิจวิมลโนช ที่ศาลชั้นต้นและศาลจังหวัดชัยภูมิ เป็นคดีแพ่งและคดีอาญารวม 4 คดี ตกลงค่าจ้างร้อยละ 20 ของราคาที่ดินที่พิพาทโดยไม่ได้ทำเป็นหนังสือ เมื่อคดีแพ่งที่ศาลชั้นต้นถึงที่สุด โจทก์จำเลยได้ทำบันทึกข้อตกลงจ้างว่าความเป็นหนังสือ ลงวันที่ 22 กันยายน 2526ตามเอกสารหมาย จ.3 ซึ่งมีสาระสำคัญว่า โจทก์คิดค่าจ้างร้อยละ 20ของที่ดินที่พิพาทที่จังหวัดสระบุรีและจังหวัดชัยภูมิแต่ละแปลงหากได้ที่ดินคืนมาจำเลยจะขายที่ดินที่จังหวัดชัยภูมิชำระค่าจ้างมิฉะนั้นจะแบ่งที่ดินที่จังหวัดสระบุรีชำระค่าจ้าง ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า สัญญาจ้างว่าความดังกล่าวเป็นโมฆะหรือไม่ เห็นว่าสัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยดังกล่าว เป็นสัญญาที่ตกลงกันว่า ถ้าลูกความชนะคดีได้ที่ดินที่เป็นมูลพิพาทมาเท่าใดทนายความขอส่วนได้จากที่ดินที่จะได้มา ไม่ว่าราคาจะขึ้นลงสักเท่าใดอันเป็นการไม่แน่นอนถือได้ว่า โจทก์ซึ่งเป็นทนายความรับว่าความโดยวิธีแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาทอันจะพึงได้แก่ลูกความมีวัตถุประสงค์ขัดต่อพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2508มาตรา 41 ประกอบกับพระราชบัญญัติทนายความ พุทธศักราช 2477มาตรา 12(2) เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 เดิม(มาตรา 150 ที่แก้ไขใหม่) แม้ต่อมาจะได้มีพระราชบัญญัติทนายความพ.ศ. 2528 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2508 ไปแล้วแต่สัญญาจ้างว่าความระหว่างโจทก์กับจำเลยทำขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2524ก่อนกฎหมายดังกล่าวยกเลิกจึงไม่ทำให้สัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยซึ่งตกเป็นโมฆะมาตั้งแต่วันทำสัญญาแล้วกลับสมบูรณ์ขึ้นได้อีกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share