แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ทั้งสี่ขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุจากจำเลยที่ 2 เพื่อนำสืบว่าจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวนเท่ากับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ได้รับคำสั่งเรียกพยานเอกสารแล้วไม่ยอมส่งกรมธรรม์ประกันภัยตามคำสั่งศาลและไม่นำสืบพยานให้เห็นเป็นอย่างอื่น ถือว่าข้อเท็จจริงแห่งข้ออ้างที่โจทก์ทั้งสี่ต้องนำสืบโดยกรมธรรม์ประกันภัยว่าจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ทั้งสี่เต็ม จำนวนเท่ากับจำเลยที่ 1 นั้น จำเลยที่ 2 ได้ยอมรับแล้วตามป.วิ.พ. มาตรา 123 วรรคหนึ่ง การที่ศาลชั้นต้นไม่ให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดในค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวนเท่าที่จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดจึงไม่ถูกต้อง
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสี่ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๙๑๒,๑๓๗ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ให้การว่าจำเลยที่ ๑ ไม่ใช่เจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุและไม่เคยเอาประกันภัยรถยนต์บรรทุกตามฟ้อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ให้การว่าไม่เคยรับประกันภัยรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุ… หากจำเลยที่ ๒ ต้องรับผิดก็ไม่เกินจำนวนที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงิน ๔๖๕,๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ให้จำเลยที่ ๒ ร่วมรับผิดชำระเงินจำนวน ๕๒,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๐ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จแก่โจทก์ทั้งสี่
โจทก์ทั้งสี่อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๒๓ ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยที่ ๒ เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกหกล้อคันเกิดเหตุ และต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ทั้งสี่ มีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสี่ว่า จำเลยที่ ๒ ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ในค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวนเท่าที่จำเลยที่ ๑ ต้องรับผิดหรือไม่ คดีนี้โจทก์ทั้งสี่ขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์บรรทุกหกล้อคันเกิดเหตุจากจำเลยที่ ๒ เพื่อนำสืบว่าจำเลยที่ ๒ จะต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวนเท่ากับจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ ได้รับคำสั่งเรียกพยานเอกสารแล้วตามใบรับคำสั่งเรียกพยาน จำเลยที่ ๒ ไม่ยอมส่งกรมธรรม์ประกันภัยตามคำสั่งศาลและไม่นำสืบพยานให้เห็นเป็นอย่างอื่น จึงถือว่าข้อเท็จจริงแห่งข้ออ้างที่โจทก์ทั้งสี่ต้องนำสืบโดยกรมธรรม์ประกันภัยว่าจำเลยที่ ๒ ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ทั้งสี่เต็มจำนวนเท่ากับจำเลยที่ ๑ นั้น จำเลยที่ ๒ ได้ยอมรับแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๒๓ วรรคหนึ่ง การที่ศาลชั้นต้นไม่ให้จำเลยที่ ๒ ร่วมรับผิดในค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวนเท่าที่จำเลยที่ ๑ ต้องรับผิดจึงไม่ถูกต้อง อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสี่ฟังขึ้น พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๔๖๕,๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๔๐ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสี่
นายสุภัทร์ สุทธิมนัส ผู้ช่วย
ร.ท.นิตินาถ บุญมา ย่อ
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
นายวีระวัฒน์ ปวราจารย์ ผู้ช่วย/ตรวจ