แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กรณีที่บุคคลใดจะใช้สิทธิทางศาลโดยเสนอเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 ได้นั้น จะต้องมีกฎหมายสารบัญญัติรับรองให้ใช้สิทธิทางศาลเพื่อรับรองหรือคุ้มครองสิทธิของตนที่มีอยู่ การที่ผู้ร้องทั้งสองร้องขอให้ศาลเพิกถอนการจดทะเบียนเพิ่มทุนนั้นไม่มีกฎหมายบัญญัติรับรองว่าอาจทำเป็นคำร้องขออย่างคดีไม่มีข้อพิพาทได้ ดังนั้น ผู้ร้องทั้งสองจะเริ่มคดีโดยทำเป็นคำร้องขอยื่นต่อศาลเป็นคดีไม่มีข้อพิพาท ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 และมาตรา 188 (1) หาได้ไม่
ย่อยาว
ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอและแก้ไขคำร้องขอ ขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งเพิกถอนคำขอจดทะเบียนเพิ่มทุนของบริษัทเสมาฟ้าครามนคร จำกัด เลขที่ 4 – 01659 และเลขที่ 2 – 5348 ซึ่งนายทะเบียนได้รับจดทะเบียนไว้เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2529 และวันที่ 18 สิงหาคม 2529 ตามลำดับ
ผู้คัดค้านทั้งยี่สิบเจ็ดยื่นคำคัดค้านทำนองเดียวกันขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้วให้งดไต่สวนพยานผู้ร้องทั้งสองแล้ววินิจฉัยว่า ตาม ป.พ.พ. ที่ว่าด้วยวิธีจัดการบริษัทจำกัด มิได้บัญญัติให้อำนาจแก่ผู้ร้องทั้งสองไว้ ผู้ร้องทั้งสองจึงไม่อาจมาร้องต่อศาลเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทดังเช่นคดีนี้ได้ ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
ผู้ร้องทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องทั้งสองว่า ผู้ร้องทั้งสองมีอำนาจขอให้ศาลดำเนินการไต่สวนและมีคำสั่งตามคำร้องขอของผู้ร้องทั้งสองหรือไม่ เห็นว่า การเสนอคดีต่อศาลกระทำได้ 2 วิธี วิธีแรกหากมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลใดตามกฎหมายแพ่ง ก็เสนอเป็นคดีมีข้อพิพาทโดยทำเป็นคำฟ้องยื่นต่อศาล ตาม ป.พ.พ. มาตรา 55 และมาตรา 172 วิธีที่สอง หากบุคคลใดจะต้องใช้สิทธิทางศาล ก็เสนอเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทโดยทำเป็นคำร้องขอยื่นต่อศาล ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 และมาตรา 188 (1) ส่วนกรณีใดบ้างที่บุคคลจะต้องใช้สิทธิทางศาลก็ต้องพิจารณาจากกฎหมายสารบัญญัติ กล่าวคือ จะต้องมีกฎหมายบัญญัติรับรองให้ใช้สิทธิทางศาลโดยยื่นคำร้องขอในกรณีนั้น ๆ ได้ กรณีของผู้ร้องทั้งสองไม่มีกฎหมายบัญญัติรับรองว่าการขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนเพิ่มทุนนั้น อาจทำเป็นคำร้องขออย่างคดีไม่มีข้อพิพาทได้ ดังนั้น ผู้ร้องทั้งสองจะเริ่มคดีโดยทำเป็นคำร้องขอยื่นต่อศาลเป็นคดีไม่มีข้อพิพาท ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 และมาตรา 188 (1) หาได้ไม่ ผู้ร้องทั้งสองจึงไม่อาจขอให้ศาลดำเนินการไต่สวนและมีคำสั่งตามคำร้องขอได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของผู้ร้องทั้งสองอีกต่อไป ฎีกาของผู้ร้องทั้งสองฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำพิพากษาโดยมิได้สั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม จึงเห็นควรสั่งไปพร้อมกัน
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้เป็นพับ.