คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2810/2531

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

บันทึกข้อตกลงมีข้อความว่า ผู้เอาประกันภัยรถยนต์ตกลงชดใช้ค่าทดแทนค่าเสียหายให้กับฝ่ายผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ตายและผู้บาดเจ็บโดยผู้เสียหายรับเงินแล้วไม่ประสงค์จะฟ้องร้องต่อไปอีก เป็นการตกลงชดใช้ค่าเสียหายอันเนื่องจากการบาดเจ็บและตายเท่านั้น ไม่รวมถึงความเสียหายอันเกิดกับรถยนต์อีกส่วนหนึ่งต่างหาก เมื่อผู้รับประกันภัยชดใช้ค่าเสียหายแก่เจ้าของรถยนต์แล้วย่อมเข้ารับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันภัยได้ เงื่อนไขความรับผิดตามสัญญาประกันภัยซึ่งกำหนดให้ผู้ขับขี่รถยนต์ที่เอาประกันภัยต้องเคยได้รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์และเป็นหน้าที่ของผู้เอาประกันภัยที่จะต้องนำหลักฐานนั้นมาแสดงต่อผู้รับประกันภัยมิฉะนั้นผู้รับประกันภัยอาจจะไม่รับผิดชอบชดใช้ค่าทดแทนนั้น มิได้ระบุชัดแจ้งว่าให้ผู้รับประกันภัยหลุดพ้นจากความรับผิดตามสัญญา การผิดเงื่อนไขหรือไม่เพียงใดเป็นเรื่องที่ผู้รับประกันภัยจะว่ากล่าวเอากับผู้เอาประกันภัยคู่สัญญา จะยกเหตุแห่งการผิดเงื่อนไขดังกล่าวเพื่อปฏิเสธความรับผิดต่อบุคคลภายนอกผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัยหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยได้รับช่วงสิทธิจากเจ้าของรถยนต์ซึ่งถูกชน จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ด้วยความประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้ชนรถยนต์ซึ่งเอาประกันภัยไว้กับโจทก์ได้รับความเสียหายส่วนจำเลยที่ 3 เป็นผู้รับประกันภัยรถของจำเลยที่ 2 ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย
โจทก์ทิ้งฟ้องจำเลยที่ 1 ศาลจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 ให้การว่าจำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ 2ทั้งจำเลยที่ 1 มิได้เป็นฝ่ายประมาท แต่เพื่อเห็นแก่หน้าที่ศีลธรรมจำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้บาดเจ็บและทายาทของผู้ตายแล้ว โจทก์ฟ้องคดีโดยอาศัยสิทธิที่ระงับไปแล้วไม่ได้
จำเลยที่ 3 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ขายรถบรรทุกให้คนอื่นไปแล้วจึงไม่มีส่วนได้เสียในเหตุที่เอาประกันภัยไว้ ขณะเกิดเหตุผู้ขับขี่รถบรรทุกไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ และไม่เคยมาให้บันทึกถ้อยคำแก่จำเลยที่ 3 เป็นการผิดสัญญาประกันภัยที่จำเลยที่ 3 ทำไว้กับจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องผูกพันตามสัญญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ใช้เงิน 64,500 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีในต้นเงิน 60,000 บาทนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยที่ 2ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 1,500 บาทยกฟ้องจำเลยที่ 3 ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 3ให้เป็นพับ
โจทก์และจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ด้วยค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยประเด็นแรกที่ว่าสิทธิการฟ้องคดีของโจทก์ระงับไป เพราะจำเลยที่ 2 ได้ชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหายแล้วปรากฏตามเอกสารหมาย ล.6 หรือไม่ว่า “ศาลฎีกาได้ตรวจดูบันทึกการชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหายแล้ว มีข้อความว่า ตกลงใช้ค่าทดแทน ค่าเสียหายให้กับฝ่ายผู้ตายและผู้บาดเจ็บในคดีนี้ ฯลฯผู้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายทุกคนยินยอมและร่วมกันรับเงินจำนวนดังกล่าวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ประสงค์จะฟ้องร้องกันอีกต่อไป ข้อความดังกล่าวเห็นว่า เป็นการชดใช้ค่าเสียหายเนื่องจากการบาดเจ็บและตาย มิใช่เป็นการชดใช้ค่าเสียหายแก่เจ้าของรถยนต์เพราะรถยนต์ก็ยังได้รับความเสียหายต่างหากจึงไม่ทำให้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายของเจ้าของรถยนต์หมดสิ้นไปเมื่อโจทก์ใช้ค่าเสียหายให้เจ้าของรถยนต์ตามสัญญาประกันภัยแล้วโจทก์ก็เข้ารับช่วงสิทธิของเจ้าของรถยนต์ได้”
สำหรับประเด็นที่ว่า จำเลยที่ 3 ในฐานะผู้รับประกันภัยจะต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัยหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า”ตามข้อต่อสู้ ของจำเลยที่ 3 ที่ว่าผู้ขับขี่เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์และเป็นหน้าที่ของผู้เอาประกันภัยที่จะต้องนำหลักฐานดังกล่าวมาแสดงต่อจำเลยที่ 3 ตามสัญญาประกันภัยเอกสารหมาย ล.4ข้อ 1.8 มิฉะนั้นจำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิด นั้น เห็นว่า แม้ตามสัญญาประกันภัย เอกสารหมาย ล.4 ข้อ 1.8 กำหนดเงื่อนไขความรับผิดดังกล่าวไว้ก็ตาม แต่เงื่อนไขดังกล่าวมีผลบังคับเพียงว่าจำเลยที่ 3 อาจจะไม่รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยนี้เท่านั้น ตามเอกสารหมาย ล.4 ข้อ 1.10 หาได้ระบุไว้ชัดแจ้งว่าให้ผู้รับประกันภัยหลุดพ้นจากความรับผิดตามสัญญาประกันภัยแต่อย่างใด หากผู้เอาประกันภัยปฏิบัติผิดเงื่อนไขตามสัญญาประกันภัยอย่างใดหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยจะว่ากล่าวเอาแก่ผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นคู่สัญญา แต่จะยกเหตุแห่งการผิดเงื่อนไขดังกล่าวมาอ้างเพื่อปฏิเสธความรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและมีสิทธิได้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัยหาได้ไม่
พิพากษากลับให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ร่วมกันใช้เงิน 64,500 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีในต้นเงิน 60,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ และให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวมกัน 4,000 บาท”

Share