แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นเจ้าของที่ดิน ให้ผู้อื่นทำการจัดสรรแบ่งที่ดินขาย โจทก์ได้ทำสัญญาจะซื้อที่ดินนั้นกับผู้จัดสรร โดยจำเลยลงชื่อเป็นพยานและผู้ให้คำยินยอม ย่อมถือได้ว่าจำเลยเชิดผู้จัดสรรออกเป็นตัวแทน หรือยอมให้ผู้จัดสรรเชิดตัวเขาเองออกแสดงเป็นตัวแทนของตนในการขายที่ดินให้แก่โจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์
จำเลยฎีกาว่า ฟ้องเคลือบคลุมและคดีขาดอายุความ โดยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลอุทธรณ์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของที่ดิน ได้อนุญาตให้นางสุทธิพรนำที่ดินออกขายโดยประกาศว่าจะแบ่งที่ดินออกเป็นแปลงเล็ก ๆ ต่อมาจำเลยร่วมกับนางสุทธิพรนำส่วนหนึ่งของที่ดินรวม 3 แปลง ทำสัญญาจะขายให้โจทก์ โดยนางสุทธิพรลงชื่อในสัญญาเป็นผู้จะขาย ส่วนจำเลยลงชื่อในฐานะพยานและผู้ให้คำยินยอม โจทก์ชำระเงินให้นางสุทธิพรและจำเลยครบถ้วนแล้ว จำเลยและนางสุทธิพรตกลงจะจัดการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้โจทก์ทันทีที่แบ่งแยกที่ดินเสร็จ แต่ไม่จัดการให้ ขอให้บังคับให้จำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ หากจำเลยไม่ยินยอมไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้ ขอให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย หากโอนให้ไม่ได้ ก็ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 145,200 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า เดิมนางสุทธิพรได้ตกลงซื้อที่ดินจากจำเลยแล้วผิดสัญญา จำเลยจึงริบมัดจำและเลิกสัญญาซื้อขาย หนังสือสัญญาจะซื้อขายระหว่างนางสุทธิพรกับโจทก์เป็นหนังสือสัญญาที่นางสุทธิพรจะขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้โจทก์ จำเลยเป็นแต่ลงชื่อเป็นพยานขณะลงชื่อในสัญญาไม่มีคำว่า “และผู้ให้ความยินยอม” คำขอท้ายฟ้องที่ว่าหากโอนให้ไม่ได้ ให้จำเลยชำระเงิน 145,200 บาทพร้อมดอกเบี้ยนั้น โจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยจะต้องชำระเงินดังกล่าวด้วยเหตุใดจึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม และคดีโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่า ตามสัญญาเอกสาร จ.1 นางสุทธิพรเป็นผู้รับเงินมัดจำ ไม่ได้ระบุชื่อจำเลยเป็นคู่สัญญา จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามที่โจทก์เรียกร้อง ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยให้คำรับรองยินยอมอนุญาตให้นางสุทธิพรนำที่ดินของจำเลยออกขายจริง เป็นการกระทำที่เรียกได้ว่าจำเลยเชิดให้นางสุทธิพรเป็นตัวแทนหรือยอมให้นางสุทธิพรเชิดตัวเขาเองออกแสดงเป็นตัวแทนขายที่ดินของจำเลยให้โจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิดโอนที่ดินตามฟ้องให้โจทก์ พิพากษากลับ ให้จำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ หากจำเลยไม่ยินยอมไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้ ก็ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย หากโอนไม่ได้ให้จำเลยชำระเงินค่าที่ดินในอัตราไร่ละหนึ่งแสนบาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นางสุทธิพรเป็นผู้จัดสรรที่ดินแบ่งขาย โจทก์ได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่พิพาท นางสุทธิพรลงชื่อเป็นผู้จะขายและผู้รับเงิน จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาทลงชื่อเป็นพยานและผู้ให้คำยินยอม โดยในสัญญามีข้อความว่านางสุทธิพรได้รับสิทธิจากจำเลยให้จัดการขายได้โดยไม่มีเงื่อนไข พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเลยเชิดนางสุทธิพรออกเป็นตัวแทน หรือยอมให้นางสุทธิพรเชิดตัวเขาเองออกแสดงเป็นตัวแทนของตน ขายที่ดินให้กับโจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและคดีขาดอายุความนั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลอุทธรณ์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 จึงไม่วินิจฉัยให้
พิพากษายืน