แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 ติดต่อแจ้งจำเลยที่ 1 ทางโทรศัพท์ว่ามีผู้ขอซื้อเมทแอมเฟตามีนและได้รับเงินจากสายลับผู้ล่อซื้อแล้วนำเงินทั้งหมดไปฝากจำเลยที่ 3 เพื่อให้มอบแก่จำเลยที่ 1 โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 2 ได้รับประโยชน์ตอบแทนจากจำเลยที่ 1 หรือมีส่วนร่วมในการตกลงซื้อขายเมทแอมเฟตามีนระหว่างจำเลยที่ 1 กับสายลับอย่างไร ยังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 ในการมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน แต่การกระทำของจำเลยที่ 2 ที่ช่วยติดต่อแจ้งให้จำเลยที่ 1 นำเมทแอมเฟตามีนมาจำหน่ายให้แก่สายลับที่ไปติดต่อซื้อกับจำเลยที่ 2 และรับเงินค่าเมทแอมเฟตามีนไว้จากสายลับเพื่อมอบแก่จำเลยที่ 1 เป็นการช่วยเหลือและให้ความสะดวกในการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของจำเลยที่ 1 การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของจำเลยที่ 1 แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและทางพิจารณาได้ความว่าเป็นเพียงผู้สนับสนุน ข้อแตกต่างดังกล่าวมิใช่ข้อสาระสำคัญทั้งจำเลยที่ 2 มิได้หลงต่อสู้ ศาลย่อมลงโทษจำเลยที่ 2 ตามข้อเท็จจริงที่ได้ความได้
ย่อยาว
คดีนี้เดิมศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 88/2549 แต่คดีดังกล่าวยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คงขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะคดีนี้
โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 ริบของกลาง ยกเว้นธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อให้คืนแก่เจ้าของ
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง วรรคสาม (2), 66 วรรคสอง จำคุก 5 ปี และปรับ 400,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้กักขังแทนค่าปรับเกินกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี ริบของกลาง คืนธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อแก่เจ้าของ ส่วนข้อหาอื่นให้ยก และให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3
โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง วรรคสาม (2), 66 วรรคหนึ่ง วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกคนละ 5 ปี และปรับคนละ 400,000 บาท และฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุกคนละ 5 ปี รวมจำคุกคนละ 10 ปี และปรับคนละ 400,000 บาท คำรับของจำเลยทั้งสามเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 5 ปี และปรับคนละ 200,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว ก่อนเกิดเหตุ จำเลยที่ 2 ติดต่อจำเลยที่ 1 ทางโทรศัพท์ว่ามีผู้ขอซื้อเมทแอมเฟตามีนจำนวน 100 เม็ด จำเลยที่ 1 ไปเอาเมทแอมเฟตามีนจากนายฮาเล็มได้มาจำนวน 80 เม็ด แล้วนำไปที่ร้านเกิดเหตุการที่จำเลยที่ 1 แจ้งจำเลยที่ 2 ทางโทรศัพท์ว่ามีผู้ขอซื้อเมทแอมเฟตามีนและได้รับเงินจากสายลับผู้ล่อซื้อแล้วนำเงินทั้งหมดไปฝากจำเลยที่ 3 เพื่อให้มอบแก่จำเลยที่ 1 โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 2 ได้รับประโยชน์ตอบแทนจากจำเลยที่ 1 หรือมีส่วนร่วมในการตกลงซื้อขายเมทแอมเฟตามีนระหว่างจำเลยที่ 1 กับสายลับอย่างไร ยังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 ในการมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน แต่การกระทำของจำเลยที่ 2 ที่ช่วยติดต่อแจ้งให้จำเลยที่ 1 นำเมทแอมเฟตามีนมาจำหน่ายให้แก่สายลับที่ไปติดต่อซื้อกับจำเลยที่ 2 และรับเงินค่าเมทแอมเฟตามีนไว้จากสายลับเพื่อมอบแก่จำเลยที่ 1 เป็นการช่วยเหลือและให้ความสะดวกในการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของจำเลยที่ 1 การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของจำเลยที่ 1 แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยที่ 2 เป็นแต่เพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิด แต่ข้อแตกต่างดังกล่าวมิใช่ข้อสาระสำคัญทั้งจำเลยที่ 2 มิได้หลงต่อสู้ ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยที่ 2 ตามข้อเท็จจริงที่ได้ความได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ให้จำคุก 3 ปี 4 เดือน เมื่อลดโทษให้จำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่งแล้วคงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี 8 เดือน ข้อหาอื่นสำหรับจำเลยที่ 2 นอกจากนี้ให้ยก และยกฟ้องโจทก์ สำหรับจำเลยที่ 3 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9