คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์นำสืบว่า คนร้ายเข้าปล้นและยิงเจ้าทรัพย์ตาย พยานโจทก์ที่วิ่งไปสกัดคนร้ายเห็นจำเลยวิ่งมาในพวกคนร้าย 6 คน จำเลยจ้องปืนพูดว่า อย่าเข้ามา พยานจึงไม่กล้าไล่ตามต่อไป พยานอีกคนหนึ่งเห็นจำเลยนั่งอยู่ชายป่า เมื่อเกิดเสียงปืนดังแล้ว คนร้ายวิ่งจากบ้านเกิดเหตุมายังที่ที่จำเลยนั่งอยู่ ส่งปืนให้จำเลยแล้ววิ่งเข้าป่าไป เช่นนี้ยังไม่พอฟังว่าจำเลยสนับสนุนในการที่คนร้ายฆ่าเจ้าทรัพย์โดยเจตนาด้วย เพราะไม่ได้ความว่าจำเลยรู้ว่าคนร้ายอื่นเจตนาฆ่าเจ้าทรัพย์มาตั้งแต่ต้น และแม้ว่าการมีปืนไปปล้นน่าจะเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้เป็นธรรมดา แต่ก็ยังไม่พอจะฟังว่าจำเลยได้เล็งเห็นว่าคนร้ายอื่นจะถึงกับฆ่าเจ้าทรัพย์โดยเจตนาอีกด้วย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคท้าย ประกอบด้วยมาตรา 86 ภายในขอบเขตของเจตนาในการสนับสนุนตามมาตรา 87 เท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันปล้นทรัพย์ของนายเจ๊ะเย๊ะ และใช้ปืนยิงนายเจ๊ะเย๊ะตายโดยเจตนาฆ่า เพื่อสะดวกแก่การปล้นทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐, ๒๘๘, ๒๘๙, ๘๓
จำเลยที่ ๓ ให้การรับสารภาพนอกนั้นให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณา โจทก์นำสืบว่า นายเจ๊ะเย๊ะตั้งร้ายขายน้ำชากาแฟ จำเลยที่ ๒,๓,๔ และ ๕ เข้ามาขอซื้อบุหรี่ แล้วจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ช่วยกันจับแขนนายเจ๊ะเย๊ะไว้ จำเลยที่ ๓ ยิงนายเจ๊ะเย๊ะ นายเจ๊ะเย๊ะตายทันที คนร้ายค้นเก็บทรัพย์ไป ส่วนจำเลยที่ ๑ และที่ ๖ นั้นซุ่มอยู่ชายป่า คอยรับปืนที่อีก ๔ คนปล้นแล้วนำมาส่งให้ แล้วพากันวิ่งหนี
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยทั้ง ๖ กระทำผิดดังฟ้อง แต่จำเลยที่ ๑ และที่ ๖ เป็นเพียงผู้สนับสนุน พิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ และที่ ๖ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๐, ๒๘๙ ประกอบด้วยมาตรา ๘๖ ให้ลงโทษตามมาตรา ๒๘๙, ๘๖ ซึ่งเป็นบทหนัก
จำเลยที่ ๑ และที่ ๖ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ และที่ ๖ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีสำหรับจำเลยทั้งสองนี้ โจทก์มีพยานซึ่งวิ่งไปสกัดคนร้ายเห็นนายดอเล๊าะและนายดาโอ๊ะจำเลยวิ่งมาในพวกคนร้าย ๖ คน นายดาโอ๊ะ จำเลยจ้องปืนพูดว่า อย่าเข้ามา พยานจึงไม่กล้าไล่ตามต่อไป กับพยานอีกคนหนึ่งนำโคไปเลี้ยงใกล้ ๆ ป่าห่างบ้านเกิดเหตุ ๒ เส้น เห็นนายดอเล๊าะและนายดาโอ๊ะ จำเลยนั่งอยู่ห่างที่จูงโคผ่านไป ๑๐ วา เมื่อเกิดเหตุเสียงปืนดังแล้ว คนร้ายวิ่งจากบ้านเกิดเหตุมายังที่ที่จำเลยทั้งสองนี่นั่งอยู่ ส่งปืนให้จำเลยนี้แล้ววิ่งเข้าป่าไปโจทก์มีพยานหลักฐานมั่นคงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองนี้กระทำผิดด้วย
แต่ที่ศาลล่างลงโทษจำเลยทั้งสองมาตามมาตรา ๒๘๙, ๘๖ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่ายังไม่พอฟังว่าจำเลยทั้งสองนี้สนับสนุนในการที่จำเลยอื่นฆ่าเจ้าทรัพย์โดยเจตนาด้วย เพราะไม่ได้ความว่าจำเลยทั้งสองรู้ว่าจำเลยอื่นเจตนาฆ่าเจ้าทรัพย์มาตั้งแต่ต้น และแม้ว่าการมีปืนไปปล้นน่าจะเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้เป็นธรรมดา แต่ก็ยังไม่พอจะฟังว่าจำเลยทั้งสองได้เล็งเห็นว่าจำเลยอื่นจะถึงกับฆ่าเจ้าทรัพย์โดยเจตนาอีกด้วย จำเลยทั้งสองคงมีความผิดตามมาตรา ๓๔๐ วรรคท้ายประกอบด้วยมาตรา ๘๖ ภายในขอบเขตเจตนาในการสนับสนุนตามมาตรา ๘๗ เท่านั้น
พิพากษาแก้เฉพาะจำเลยที่ ๑ และที่ ๖ ว่ามีความผิดตามมาตรา ๓๔๐ วรรคท้ายและมาตรา ๘๓ ส่วนกำหนดโทษและการลดโทษคงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share