แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นความผิดหลายกระทง ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ประทับฟ้องเฉพาะกระทงที่เห็นว่ามีมูลและไม่ประทับฟ้องกระทงที่เห็นว่าไม่มีมูลนั้น โจทก์อุทธรณ์ได้ในทันที ไม่ต้องรอจนกว่าศาลจะได้ตัดสินคดีแล้ว
การระบุพยานของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง แม้บัญชีพยาน ของโจทก์จะมีคำว่า บัญชีระบุพยานชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ก็ดี จะถือว่าเป็นการระบุเฉพาะแต่ในตอนไต่สวนมูลฟ้องไม่ได้ ต้องถือว่าโจทก์มีความประสงค์ที่จะอ้างอิงพยานหลักฐานในคดีนั้นตามบัญชีพยานของตนตลอดทั้งเรื่อง (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2505 วาระพิเศษ)
โจทก์ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่ประทับฟ้องความผิดบางกระทง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ และต่อมาได้พิพากษายกฟ้องความผิดกระทงที่ได้ประทับฟ้องไว้โดยถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ การที่โจทก์จะอุทธรณ์คำสั่งที่ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์และอุทธรณ์ คำพิพากษาศาลชั้นต้นด้วยนั้น ควรยื่นอุทธรณ์แยกกันเป็นคนละฉบับ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกบังอาจสมคบกันมีอาวุธบุกรุกเข้าตัดฟันทำลายรั้วและขุดดินบุกรุกเข้าไปในที่สวนของโจทก์ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒, ๓๖๓, ๓๖๕ และ ๓๕๘
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีมีมูลเฉพาะในข้อหาฐานทำให้เสียทรัพย์เท่านั้น ให้ประทับฟ้องเฉพาะที่มีมูลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๘ ให้หมายเรียกจำเลยยื่นคำให้การแก้คดีในวันนัดพิจารณาสืบพยาน โจทก์
ครั้นถึงวันนัดพิจารณาโจทก์ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่รับฟ้องในข้อหาฐานบุกรุกพร้อมกับยื่นบัญชีพยานโจทก์ในชั้นพิจารณาด้วย
ศาลชั้นต้นสั่งอุทธรณ์โจทก์ว่า การที่ศาลมีคำสั่งให้ประทับฟ้องเฉพาะกระทงที่มีมูล และไม่ประทับฟ้องกระทงที่ไม่มีมูลนั้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา โจทก์จะอุทธรณ์ในทันทีไม่ได้ ชอบที่จะอุทธรณ์ภายหลังที่ศาลได้ตัดสินคดีแล้ว และสั่งในเรื่องยื่นบัญชีพยานว่า โจทก์ไม่ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด จึงไม่อนุญาต และถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบในข้อหาฐานทำให้เสียทรัพย์ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ยกฟ้อง และให้ยกฟ้องของศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ กับที่สั่งไม่รับบัญชีพยานของโจทก์ โดยให้สั่งให้ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์และบัญชีพยานของโจทก์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดีมีมูลในฐานบุกรุกด้วย และการที่โจทก์ยื่นบัญชีพยานอีกก็ย่อมทำได้ (อ้างฎีกาที่ ๙๒๑/๒๔๙๓) จึงพิพากษาให้ยกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ประทับฟ้อง โจทก์ทุกฐาน กับรับบัญชีพยานโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ยื่นคำฟ้องเมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๐๔ ต่อมาวันที่ ๒๔ เดือนนั้นก่อนไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์ยื่นบัญชีพยานต่อศาล แม้บัญชีพยานของโจทก์จะใช้คำว่า บัญชีพยานชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ก็ดี ศาลฎีกาได้วินิจฉัยโดยที่ประชุมแล้วเห็นว่า คดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์นั้น ศาลจะต้องไต่สวนมูลฟ้องก่อน ฉะนั้น จะถือว่า การระบุพยานของโจทก์เป็นการระบุเฉพาะแต่ในตอนไต่สวนมูลฟ้องไม่ได้ ต้องถือว่าโจทก์ประสงค์จะอ้างอิงพยานหลักฐานตามบัญชีพยานของตนตลอดทั้งเรื่อง ทั้งปรากฏว่าบัญชีพยานที่โจทก์ระบุอ้างในวันพิจารณานั้นก็เหมือนกับที่ยื่นไว้แล้ว จึงย่อมกระทำได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นรับบัญชีพยานโจทก์ไว้ดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่เฉพาะข้อหาฐานทำให้เสียทรัพย์จึงชอบแล้ว
อนึ่ง การที่โจทก์ยื่นอุทธรณ์คำสั่งที่ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์และอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นรวมมาในฉบับเดียวกันนั้นไม่ถูก ควรแยกกันต่างหากคนละฉบับ แต่ไม่มีประเด็นข้อนี้ขึ้นมาสู่ศาลฎีกาและไม่ใช่ข้อสำคัญถึงกับจะให้ย้อนสำนวน
แต่ที่ศาลอุทธรณ์ให้ประทับฟ้อง ในข้อหาฐานบุกรุกด้วยนั้น ยังไม่ชอบ เพราะศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์โจทก์ในข้อนี้ โจทก์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นรับเท่านั้น จึงพิพากษาแก้ ให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาอุทธรณ์โจทก์ที่ขอให้สั่งรับอุทธรณ์ในข้อหานี้