แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การฟ้องคดีอาญาต่อห้างหุ้นส่วนจำกัดซึ่งเป็นนิติบุคคล จะต้องมีหุ้นส่วนผู้จัดการซึ่งเป็นผู้แทนห้างหุ้นส่วนจำกัดจึงจะดำเนินคดีได้ ถ้าหุ้นส่วนผู้จัดการไปต่างประเทศไม่อยู่ในขณะฟ้อง ต้องถือว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดไม่มีตัวอยู่อย่างสมบูรณ์ตามกฎหมาย และต้องถือว่าไม่มีตัวจำเลยมาศาลในวันฟ้อง ศาลรับฟ้องไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165
ห้างจำเลยทำหนังสือมอบอำนาจให้ ร. มีอำนาจแทนในการติดต่อกับพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2510 ในกิจการเช่นสำรวจแร่ ทำเหมือง ฯลฯ และปฏิบัติตามพระราชบัญญัติควบคุมแร่ พ.ศ.2514 ดังนี้ ห้างจำเลยมิได้มอบอำนาจให้ ร. ดำเนินคดีแทนจำเลย ทั้งการมอบอำนาจให้ ร. เป็นเวลาภายหลังจากห้างจำเลยได้กระทำความผิดอาญาแล้ว พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจสอบสวน ร. ในฐานะเป็นตัวแทนจำเลย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องโดยอาศัยการมอบอำนาจตามใบมอบอำนาจดังกล่าว การดำเนินคดีนี้ของ ร. จึงไม่ผูกพันห้างจำเลยและคำพิพากษาก็ไม่ผูกพันห้างจำเลย โจทก์จึงไม่อาจยึดทรัพย์ของห้างจำเลยมาชำระค่าปรับตามคำพิพากษาได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๒๕ โจทก์ฟ้องจำเลยว่าเมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๒๔ แร่ดีบุกขาดหายไปจากบัญชีแร่คงเหลือของจำเลย ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติแร่ จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลพิพากษาปรับจำเลยคดีถึงที่สุด แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลย ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องโดยนางชนกพร หุ้นส่วนผู้จัดการไม่เคยถูกฟ้อง ผู้ร้องมอบอำนาจให้นางสาวรัตติยา ดำเนินการติดต่อขอใบอนุญาตออกแร่เท่านั้น และมอบอำนาจหลังจากเกิดเหตุ ผู้ร้องไม่ได้มอบอำนาจให้นางสาวรัตติยาดำเนินคดีแทน ผู้ร้องจึงไม่ต้องรับผิด โจทก์ไม่มีอำนาจนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของผู้ร้อง ขอให้ศาลสั่งปล่อยทรัพย์ที่โจทก์นำยึด
โจทก์คัดค้านว่า นางสาวรัตติยาทำงานให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดโกวิทเทรดดิ้ง มาก่อนเกิดเหตุ และได้รับมอบอำนาจจากห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าว ย่อมเป็นคู่ความในฐานะจำเลย นางสาวรัตติยาตัวแทนผู้รับมอบอำนาจรับสารภาพ ศาลมีคำพิพากษาและคดีถึงที่สุด คำพิพากษาย่อมผูกพันจำเลย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ปล่อยทรัพย์พิพาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด โกวิทเทรดดิ้ง มีนางชนกพรเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๒๕ พนักงานอัยการจังหวัดยะลาเป็นโจทก์ฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัด โกวิทเทรดดิ้ง โดยนางสาวรัตติยาเสมียนพนักงานของห้างดังกล่าวอ้างว่าเป็นตัวแทนผู้รับมอบอำนาจของห้างดังกล่าวเป็นจำเลย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติแร่ ทั้งนี้ เพราะนางชนกพรหุ้นส่วนผู้จัดการไปต่างประเทศ พนักงานสอบสวนเกรงว่าคดีจะขาดอายุความนางสาวรัตติพรแต่งทนายความสู้คดี โดยลงชื่อเป็นตัวแทนของห้างดังกล่าว ต่อมาให้การรับสารภาพ ศาลพิพากษาปรับ คดีถึงที่สุด และวินิจฉัยว่าการฟ้องคดีอาญาต่อห้างหุ้นส่วนจำกัดซึ่งเป็นนิติบุคคล จะต้องมีหุ้นส่วนผู้จัดการซึ่งเป็นผู้แทนห้างหุ้นส่วนจำกัดจึงจะดำเนินคดีได้ เพราะถ้าหุ้นส่วนผู้จัดการไม่อยู่ในขณะฟ้อง ต้องถือว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดไม่มีตัวอยู่อย่างสมบูรณ์ตามกฎหมายและต้องถือว่าไม่มีตัวจำเลยมาศาลในวันฟ้อง ศาลรับฟ้องไม่ได้ ต้องห้ามตามมาตรา ๑๖๕แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เมื่อขณะฟ้องนางชนกพรหุ้นส่วนผู้จัดการห้างจำเลยไม่อยู่ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องห้างจำเลยเป็นคดีอาญาได้ หนังสือมอบอำนาจลงวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๒๕ มีข้อความว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดโกวิทเทรดดิ้ง ตั้งให้นางสาวรัตติยามีอำนาจแทนในการติดต่อกับพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ ในกิจการดังต่อไปนี้คือ สำรวจแร่ ทำเหมือง ซื้อแร่ ขายแร่ เก็บแร่ ชำระค่าภาคหลวงแร่ มีแร่ไว้ในครอบครอง ขนแร่ แต่งแร่ ประกอบโลหกรรม นำแร่เข้าหรือส่งแร่ออกนอกราชอาณาจักร รับเงินค่าธรรมเนียมต่าง ๆ และเงินคงเหลือคืน และปฏิบัติตามพระราชบัญญัติควบคุมแร่ พ.ศ. ๒๕๑๔ ดังนี้ ตามหนังสือมอบอำนาจ ห้างจำเลยมิได้มอบอำนาจให้นางสาวรัตติยาดำเนินคดีแทนจำเลย และทั้งเป็นการมอบให้ดำเนินกิจการติดต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับกิจการค้าแร่แทนห้างจำเลยตั้งแต่วันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๒๕ การกระทำความผิดของห้างจำเลยครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๒๔ ซึ่งเป็นวันก่อนห้างจำเลยมอบอำนาจให้นางสาวรัตติยา แม้ฟังได้ว่าห้างจำเลยกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ นางสาวรัตติยาก็มิได้มีส่วนร่วมกระทำความผิดด้วย เพราะได้รับมอบอำนาจหลังจากเหตุเกิดขึ้นแล้ว ดังนั้น พนักงานสอบสวนย่อมไม่มีอำนาจสอบสวนนางสาวรัตติยาในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยเกี่ยวกับคดีอาญาคดีนี้ได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องโดยอาศัยการมอบอำนาจของจำเลยแก่นางสาวรัตติยาตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย ร.๔ การดำเนินคดีนี้ของนางสาวรัตติยาจึงไม่ผูกพันห้างจำเลย คำพิพากษาคดีนี้หาผูกพันห้างจำเลยไม่ โจทก์ไม่อาจยึดทรัพย์ของห้างจำเลยมาชำระค่าปรับคดีนี้ได้
พิพากษายืน