แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ต.ทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองทั้งต้นฉบับและคู่ฉบับรวมสามฉบับ เก็บต้นฉบับไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอหนึ่งฉบับคู่ฉบับมอบให้บุคคลอื่นเก็บไว้ ต่อมาต. ขอต้นฉบับที่เก็บไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอคืนมาเก็บไว้เอง โดยมิได้กระทำการใดๆที่เห็นได้ว่าเป็นการทำลายหรือขีดฆ่าพินัยกรรมฉบับนั้นกับคู่ฉบับอีกสองฉบับ และได้ร่างพินัยกรรมขึ้นใหม่อีกฉบับหนึ่งแต่ ต.และพยานยังมิได้ลงลายมือชื่อ ดังนี้ แม้การกระทำดังกล่าวจะเป็นการแสดงเจตนาของ ต ว่าจะทำพินัยกรรมฉบับใหม่ และจะไม่ใช้พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองฉบับเดิมก็ตาม แต่พินัยกรรมฉบับหลังได้ทำขึ้นโดยมีรายการไม่ครบถ้วน เพราะต.และพยานยังมิได้ลงลายมือชื่อไว้ ย่อมเป็นโมฆะ ไม่มีผลเพิกถอนพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองฉบับเดิม
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองที่นายตอ ธันวารชร เจ้ามรดกได้ทำไว้
ผู้คัดค้านซึ่งเป็นบุตรและทายาทโดยธรรมของนายตอ ธันวารชรยื่นคำคัดค้านว่า นายตอได้ทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองไว้จริงแต่ถูกเพิกถอนไปแล้วก่อนเจ้ามรดกตายผู้คัดค้านได้จัดการศพและรู้เรื่องทรัพย์สินของนายตอดีกว่าผู้ร้อง ขอให้ยกคำร้อง และตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดก
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า นายตอได้ทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองไว้ตามเอกสาร ร.๒ ซึ่งยังมีผลบังคับ พิพากษาตั้งผู้ร้องทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกของนายตอ ยกคำร้องผู้คัดค้านค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้ผู้คัดค้านเสียค่าทนายความชั้นอุทธรณ์๗๕ บาท แทนผู้ร้อง
ผู้คัดค้านฎีกา
คดีได้ความว่า เมื่อนายตอได้ทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองแล้วได้เก็บต้นฉบับไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอพระนครหนึ่งฉบับ และให้นายเก่งกล้ากับนายอาคมเก็บคู่ฉบับไว้คนละฉบับ ต่อมานายตอได้ขอต้นฉบับซึ่งเก็บไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอพระนครแต่เพียงฉบับเดียวคืนมาเก็บไว้เองในตู้เซฟคือต้นฉบับพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองเอกสาร ร.๒ และนายตอได้ให้นายสุคนธ์ผาติพงศ์ ร่างทำพินัยกรรมขึ้นใหม่เป็นตัวพิมพ์ ลงวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๑๓แต่นายตอและพยานยังไม่ได้ลงลายมือชื่อตามเอกสาร ร.๓
วินิจฉัยว่า แม้จะฟังได้ว่าการกระทำดังกล่าวของนายตอเป็นการแสดงเจตนาว่านายตอจะทำพินัยกรรมฉบับใหม่ตามเอกสาร ร.๓ และจะไม่ใช้ต้นฉบับพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองเอกสาร ร.๒ ดังฎีกาของจำเลยก็เป็นที่เห็นได้ว่าพินัยกรรมฉบับใหม่ตามเอกสาร ร.๓ ได้ทำขึ้นโดยมีรายการไม่ครบถ้วน เพราะนายตอและพยานไม่ได้ลงลายมือชื่อไว้ ย่อมเป็นโมฆะ และไม่เป็นพินัยกรรมฉบับหลังที่จะเพิกถอนต้นฉบับพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองเอกสาร ร.๒ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๕๖, ๑๗๐๕, ๑๖๙๔ และเมื่อนายตอขอต้นฉบับพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองเอกสาร ร.๒ คืนมาแล้วได้เก็บไว้เอง ไม่ได้กระทำการใด ๆ ที่เห็นได้ว่าเป็นการทำลายหรือขีดฆ่าต้นฉบับพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองเอกสาร ร.๒ กับคู่ฉบับซึ่งนายเก่งกล้าและนายอาคมต่างได้เก็บไว้ จึงไม่มีผลให้ต้นฉบับพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองของนายตอทั้งสามฉบับถูกเพิกถอนไปตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๙๕ ฉะนั้น ต้นฉบับพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองของนายตอตามเอกสาร ร.๒ จึงยังมีผลบังคับหาได้ถูกเพิกถอนไปดังคำคัดค้านและฎีกาของผู้คัดค้านไม่จึงเห็นสมควรตั้งผู้ร้องทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกของนายตอตามข้อกำหนดในพินัยกรรมนั้น และยังไม่เห็นสมควรตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้อง
พิพากษายืน