แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พนักงานอัยการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกันทำร้ายร่างกาย ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์ร่วมอุทธรณ์ฝ่ายเดียว ขอให้ลงโทษจำเลย แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษา ลงโทษจำเลยตามฟ้อง หากศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ร่วมและจำเลยทั้งสอง ชกต่อยทำร้ายซึ่งกันและกัน และโจทก์ร่วมได้รับบาดเจ็บเนื่องจากเหตุ ทำร้ายกันนั้น เป็นเรื่องวิวาททำร้ายกัน ย่อมต้องถือว่าโจทก์ร่วมจึงไม่ใช่ ผู้เสียหายตามกฎหมายไม่มีสิทธิเข้าร่วมเป็นโจทก์ อุทธรณ์ของโจทก์ร่วม จึงไม่ชอบที่จะรับไว้พิจารณา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกที่หลบหนีอีก ๑ คน ได้ร่วมกันทำร้าย ร่างกายนายประทีปได้รับบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕, ๓๙๑, ๘๓
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
นายประทีปผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วม
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่า จำเลยทั้งสองได้ทำร้ายผู้เสียหายดังโจทก์ฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ร่วมผู้เดียวอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เชื่อว่าจำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกันทำร้ายร่างกาย โจทก์ร่วมได้รับบาดเจ็บจริง พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ ให้ลงโทษจำเลย
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยเชื่อว่า โจทก์ร่วมและจำเลยทั้งสองชกต่อยทำร้าย ซึ่งกันและกันและโจทก์ร่วมได้รับบาดเจ็บเนื่องจากเหตุทำร้ายกันนั้น เป็นเรื่องวิวาททำร้ายกัน โจทก์ร่วมจึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย ไม่มีสิทธิ เข้าร่วมเป็นโจทก์ อุทธรณ์ของโจทก์ร่วมจึงไม่ชอบที่จะรับไว้พิจารณา
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์