คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 907-908/2477

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อกฎหมายทีมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแต่ชั้นศาลต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
แม้ในสัญญามิได้พูดถึงดอกเบี้ยศาลก็บังคับลูกหนี้เสียค่าดอกเบี้ยให้แก่เจ้าหนี้ได้เจ้าของผู้มีกรรมสิทธิร่วมกับผู้อื่นในที่ดินโฉนดอันเดียวกันเจ้าของผู้เดียวนั้นก็มีอำนาจฟ้องลูกหนี้ได้แต่ลำพังหนี้คนละแผนกก็ดี ถ้ามูลหนี้มีวัดถุอย่างเดียวกัน และหนี้นั้นถึงกำหนดชำระแล้วฝ่ายหนึ่งก็แสดงเจตนาขอหักหนี้ก็เป็นอันหักกลบลบกันได้

ย่อยาว

คดี ๒ สำนวนที่เรียกนายเอี้ยวหงาเหยียนเป็นโจทก์ ขุนวิเศษนุกูลกิจเป็นจำเลย
ได้ความว่าโจทก์กับพวกอีก ๒ คนมีที่สวน ๑ แปลง โฉนดที่ ๒๓๖๖ เนื้อที่ ๒๙ ไร่ ๑ งาน ๘ ตรางวา โจทก์เต็มใจยกกรรมสิทธิมอบให้จำเลยเข้าตรวจใบแร่เมื่อเห็นมาแร่พอทำเหมืองแร่ได้แล้วโจทก์ยอมให้จำเลยขอประทานบัตร์ และจำเลยจะคิดค่าเสียหายให้โจทก์ตามเนื้อที่ทั้งหมดในโฉนดราคาไร่ละ ๓๐๐ บาทการชำระเงินแบ่งเป็น ๒ ครั้ง ๆ ที่ ๑ ครึ่งหนึ่งของราคาที่ดินเมื่อจำเลยได้รับประทานบัตร์แล้วครั้งที่ ๒ จะชำระเงินครั้งแรก และจะได้โอนกรรมสิทธิที่ดินต่อหอทะเบี้ยนให้ในวันนั้น ในวันทำสัญญาจำเลยวางมัดจำเ ๑๕๐ บาท
วันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๗๕ จำเลยได้ขอประทานบัตร์ทับที่รายนี้แต่ไม่เต็มเนื้อที่ทั้งหมด ครั้นวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๗๖ จำเลยได้เวนคืนประทานบัตร์รายนี้เสียโดยขอโควตาไม่ได้
วันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ.๒๔๗๖ จำเลยได้ใช้หนี้ซึ่งโจทก์กู้มาจาก ล.แทนโจทก์ไปเป็นเงิน ๑๓๒๔ บาท ๕๐ สตางค์
ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๖ จำเลยส่งเงิน ๒๕๐ บาทไปให้โจทก์ที่ปีนังตามที่ขอร้อง
โจทก์จึงฟ้องเรียกราคาที่ดินทั้งหมด ฝ่ายจำเลยปฏิเสธความรับผิดและฟ้องแย้งเรียกเงินที่จ่ายให้โจทก์และชำระหนี้แทนโจทก์
ศาลฎีกาเห็นว่าในข้อที่จำเลยฎีกาว่าศาลอุทธรณ์ไม่ควรบังคับให้จำเลยเสียค่าทนายความแทนโจทก์นั้นฟังได้ เพราะโจทก์ไม่ได้จ้างทนายว่าความแทนและไม่เสียค่าทนาย จึงไม่มีเหตุอันควรที่จะได้รับค่าทนาย
ในข้อที่จำเลยฎีกา ว่าสัญญาท้ายฟ้องมิได้ปิดอากรแสตมป์ ศาลไม่ควรรับไว้พิจารณานั้น มิได้มีข้อโต้เถียงและยกขึ้นว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้น จึงไม่รับวินิจฉัยให้
ในข้อที่จำเลยฎีกาว่าสัญญาท้ายฟ้องเป็นสัญญาจะใช้ค่าเสียหาย ศาลฎีกาเห็นว่าตามข้อเท็จจริงดังข้างบนนี้ เป็นสัญญาจะซื้อขายที่ดินทั้งแปลง ไม่ใช่สัญญาจะใช้ค่าเสียหาย และเงื่อนไขในสัญญาได้เสร็จขึ้นไปทุกประการแล้วตามป.พ.พ.ม.๑๔๔-๑๔๕ แต่จำเลยยังหาได้ใช้เงินค่าที่ดินให้แก่โจทก์ตามสัญญาไม่
ในข้อที่จำเลยฎีกาตัดฟ้องว่าโจทก์ไม่มีสิทธิจะฟ้องจำเลยได้แต่ผู้เดียว ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ผู้เดียวเป็นเจ้าของกรรมสิทธิร่วมอยู่กับผู้อื่นในสัญญาก็ดี ก็มีอำนาจฟ้องจำเลยได้โดยลำพังตามป.พ.พ.ม.๒+๘
ในข้อที่จำเลยฎีกาว่าศาลบังคับให้จำเลยเสียค่าดอกเบี้ยให้โจทก์ไม่ชอบนั้นแม้ในสัญญาจะมิได้พูดถึงเรื่องดอกเบี้ยก็ดี ศาลบังคับให้จำเลยเสียดอกเบี้ยให้โจทก์ได้ตามป.พ.พ.ม.๒๒๔
ในข้อที่จำเลยฎีกาว่า ศาลไม่ควรตัดสินยกเอาจำนวนเงินในคดีที่จำเลยฟ้องแย้งมาหักใช้หนี้ให้โจทก์นั้น ถึงแม้จะเป็นหนี้คนละแผนกก็ดี แต่มูลหนี้ของโจทก์จำเลยต่างมีวัดถุเป็นเงินอย่างเดียวกันและหนี้ของทั้งสองฝ่ายถึงกำหนดชำระแล้ว โจทก์ก็ได้ยื่นคำร้องแสดงเจตนาขอหักกลบลบหนี้ จึงเป็นหนี้อันหักกลบลบกันได้ตาม ป.พ.พ.ม.๓๔๑ แล ๓๔๒
พิพากษาแก้คำตัดสินศาลอุทธรณ์ในข้อที่บังคับให้จำเลยเสียค่าทนายแทนโจทก์ให้ยกเสีย ความนอกจากนี้ยืนตามยกฎีกาจำเลย

Share