คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ก่อนเกิดเหตุโจทก์ร่วมได้ห้ามปรามไม่ให้จำเลยเข้าไปในบ้านโจทก์ร่วมอีกการที่จำเลยยังฝ่าฝืนเข้าไปในบ้านโจทก์ร่วมแม้จะได้รับความยินยอมจากนางสาวน. บุตรสาวโจทก์ร่วมก็ตามถือได้ว่าเป็นการเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันสมควรจำเลยจึงมีความผิดฐานบุกรุก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปและซ่อนตัวอยู่ในบ้านพักอันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของนายสมบัติ ผู้เสียหายโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันสมควร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 364, 365(3)
ระหว่างพิจารณา นายสมบัติ ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยให้การปฎิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 364, 365(3) จำคุก 1 ปี ปรับ 5,000 บาท ปรากฎว่าจำเลยเป็นนักเรียน โทษจำคุกให้รอไว้ 2 ปี โดยให้คุมความประพฤติ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยรักใคร่ชอบพอกับนางสาวนฤมลบุตรสาวโจทก์ร่วม จำเลยเคยเข้าไปหานางสาวนฤมลที่บ้านโจทก์ร่วมหลายครั้งรวมทั้งในคืนที่เกิดเหตุซึ่งนางสาวนฤมลยินยอมต้อนรับและพาจำเลยเข้าไปในห้องนอนของนางสาวนฤมล แต่ได้ความจากคำเบิกความของจำเลยและนายเกียรติชัยว่า ก่อนเกิดเหตุโจทก์ร่วมกับนางสมหมายภริยาโจทก์ร่วมได้ห้ามปรามไม่ให้จำเลยเข้าไปในบ้านโจทก์ร่วมอีก ถึงขนาดนายเกีรยติชัยได้คาดโทษเอาไว้ว่า หากจำเลยเข้าไปในบ้านโจทก์ร่วมอีกนายเกียรติชัยจะเฆี่ยนตีจำเลย การที่จำเลยยังฝ่าฝืนเข้าไปในบ้านโจทก์ร่วมทั้งที่ทราบว่าโจทก์ร่วมได้ห้ามปรามอย่างเด็ดขาดไว้แล้วเช่นนี้ กรณีถือได้ว่าเป็นการเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันสมควรมีความผิดฐานบุกรุก
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share