แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น ผู้ใดหามีสิทธิครอบครองและมีกรรมสิทธิ์ไม่ โจทก์ผู้ยึดถือครอบครองอยู่จึงไม่มีสิทธิให้เช่า การที่โจทก์ให้ผู้อื่นเช่า จึงเป็นการมอบการยึดถือครอบครองให้แก่ผู้อื่น และผู้ยึดถือครอบครองที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินจะหวงกันผู้อื่นได้ก็แต่ขณะที่ยึดถือครอบครองอยู่เมื่อโจทก์มิใช่ผู้ยึดถือครอบครองเสียแล้ว จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้ครอบครอง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินตาม ส.ค.1เนื่อที่ประมาณ 18 ไร่ และให้นางน้อยบุตรโจทก์อาศัยทำกิน 9ไร่เศษ แต่นางน้อยได้นำที่ดินแปลงนี้ไปให้จำเลยทำกินโดยไม่ได้รับความยินยอม ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวาร
จำเลยให้การว่า โจทก์ได้ขายที่ดินเนื้อที่ประมาณ 12 ไร่ ซึ่งรวมทั้งที่พิพาทให้แก่นางน้อยนายนะแล้ว นางน้อยนายนะกู้เงินจำเลยไป จึงยอมให้จำเลยเข้าทำกินในที่พิพาทต่างดอกเบี้ย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ก่อนสืบพยาน โจทก์ถึงแก่กรรม และนางหลักได้ร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับประชาชนใช้ร่วมกัน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน เดิมโจทก์เป็นผู้เข้าทำกิน ต่อมานางน้อยนายนะเป็นผู้เข้าทำกินต่อจากโจทก์ แล้วนางน้อยนายนะยอมให้จำเลยเข้าทำกินต่างดอกเบี้ย ในปัญหาที่ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยหรือไม่พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินผู้ใดหามีสิทธิครอบครองและมีกรรมสิทธิ์ไม่ โจทก์ไม่มีสิทธิให้นางน้อยนายนะเช่าตามที่โจทก์นำสืบ การที่โจทก์ให้นางน้อยนายนะเช่าจึงเป็นการมอบการยึดถือครอบครองให้แก่นายน้อยนายนะ โจทก์ไม่ใช่ผู้ยึดถือที่พิพาท จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยผู้ครอบครองที่พิพาทอยู่ ที่โจทก์ฎีกาโต้แย้งว่าที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น ราษฎรกับราษฎรด้วยกันแล้วย่อมยกการครอบครองขึ้นใช้ยันกันได้ว่าใครมีสิทธิดีกว่ากันศาลฎีกาเห็นว่าการยึดถือครอบครองสาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่ก่อให้เกิดสิทธิใดๆ แก่ผู้ยึดถือครอบครอง ผู้ยึดถือครอบครองหวงกันผู้อื่นได้ก็แต่ขณะที่ยึดถือครอบครองอยู่ เมื่อโจทก์มิใช่ผู้ยึดถือครอบครองแล้ว จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้ครอบครองได้
พิพากษายืน.