คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 217/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยซุกซ่อนเฮโรอีนไว้ในขนมปัง แล้วนำไปมอบให้สิบเวร เพื่อมอบให้แก่ จ.ซึ่งถูกควบคุมอยู่ที่ห้องควบคุม สิบเวรได้ตรวจค้นขนมปังพบเฮโรอีนของกลางเสียก่อนยังไม่ทันได้ส่งมอบขนมปังนั้นให้แก่ จ.ดังนี้จำเลยมีเฮโรอีนของกลางไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยมุ่งประสงค์จะให้แก่ จ. เป็นข้อสำคัญ และเฮโรอีนของกลางมีจำนวนเดียว มิใช่มีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายขาดตอนจากการพยายามจำหน่ายจึงเป็นการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท.(ที่มา-เนติ)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายแล้วจำหน่ายเฮโรอีนดังกล่าว จำเลยรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง จำคุกฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย 5 ปี ฐานพยายามจำหน่ายเฮโรอีน 3 ปี 4 เดือนรวมจำคุก 8 ปี 4 เดือน เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งจำคุก 12 ปี 6 เดือน รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก6 ปี 3 เดือน ของกลางริบ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกรรมเดียว จำคุก 7 ปี 6เดือน รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จำคุก 3 ปี 9 เดือน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ‘ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ซุกซ่อนเฮโรอีนของกลางไว้ในขนมปัง แล้วนำไปมอบให้นายดาบตำรวจทองนาค มารศรี ซึ่งขณะปฏิบัติหน้าที่เป็นสิบเวรเพื่อให้นำไปมอบให้แก่นายจงชัย สุวิทย์ ซึ่งถูกควบคุมอยู่ที่ห้องควบคุม นายดาบตำรวจทองนาคได้ตรวจค้นขนมปังดังกล่าวพบเฮโรอีนของกลางเสียก่อนยังไม่ทันได้ส่งมอบขนมปังนั้นให้แก่นายจงชัย ดังนี้เห็นว่าจำเลยมีเฮโรอีนของกลางไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยมุ่งประสงค์จะให้แก่นายจงชัยเป็นข้อสำคัญเฮโรอีนของกลางมีจำนวนเดียว มิใช่มีเฮโรอีนของกลางไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายขาดตอนจากการพยายามจะจำหน่ายแต่อย่างใดการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวอันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทต้องใช้กฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน.

Share