แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ลูกจ้างได้รับอนุญาตจากผู้ดูแลไร่ของนายจ้างให้ขับรถคันเกิดเหตุไปซื้อแหนบรถมาใส่รถของนายจ้างคันที่เสียลูกจ้างไปซื้อแหนบรถแล้วขณะขับกลับไร่ มีผู้ว่าจ้างให้ขับรถไปส่งมันสำปะหลังเมื่อส่งมันสำปะหลังแล้ว ขณะขับรถกลับไร่ได้เกิดชนกับรถของบุคคลอื่นโดยความประมาทของลูกจ้าง เช่นนี้ ถือว่ายังอยู่ในระหว่างปฏิบัติงานในทางการที่จ้างอยู่ นายจ้างต้องร่วมรับผิดในผลละเมิดที่ลูกจ้างได้กระทำไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบิดานายสุรินทร์ มีวัฒนะ ผู้ตาย จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 ได้ขับรถยนต์บรรทุกตามหน้าที่ในทางการที่จ้างโดยประมาท เป็นเหตุให้ชนรถจี๊ปที่นายปรีชา แซ่ซิ้ม ขับทำให้นายปรีชาและนายสุรินทร์ถึงแก่ความตาย การที่นายสุรินทร์ตาย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย คือ ต้องเสียค่ารถยนต์บรรทุกศพค่าใช้จ่ายในการทำบุญและเผาศพ ค่าขาดไร้อุปการะ รวมเป็นเงิน 52,450 บาท
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธความรับผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์รวมเป็นเงิน 40,450 บาท กับค่าธรรมเนียม ค่าทนาย 1,000 บาทแทนโจทก์
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกโดยประมาท ส่วนประเด็นที่ว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้าง กระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 หรือไม่นั้น เห็นว่า จำเลยที่ 1 เอารถบรรทุกคันเกิดเหตุไปซื้อแหนบรถมาใส่รถบรรทุกอีกคันหนึ่งของจำเลยที่ 2 ที่เสีย โดยนายอินทรผู้ดูแลไร่ของจำเลยที่ 2 รู้เห็นยินยอม เมื่อจำเลยที่ 1 ซื้อแหนบรถได้แล้ว ก็ขับรถกลับไร่ ยังไม่ทันถึงไร่ มีนายโสมาว่าจ้างจำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุกมันสำปะหลังไปขาย เมื่อขายมันแล้วจำเลยที่ 1 ขับรถกลับไร่ระหว่างทางกลับก็เกิดเหตุ การที่จำเลยที่ 1ขับรถไปซื้อแหนบรถโดยนายอินทรผู้ดูแลไร่ของจำเลยที่ 2 ยินยอมให้ไป จึงเป็นการไปกระทำกิจการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 เพื่อประโยชน์ในการใช้งานรถบรรทุกคันที่เสียของจำเลยที่ 2 นั้นเอง เมื่อจำเลยที่ 1 ซื้อแหนบรถได้แล้ว ขณะขับรถกลับไร่มีผู้ว่าจ้างให้บรรทุกมันสำปะหลังเสียเที่ยวหนึ่งก่อน แล้วจึงขับรถกลับไร่ก็เกิดเหตุ จึงยังอยู่ในระหว่างปฏิบัติงานในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดในผลละเมิดที่จำเลยที่ 1 กระทำไปในทางการที่จ้าง ในฐานะนายจ้าง ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า เพียงแต่นายอินทรผู้ดูแลไร่อนุญาตให้จำเลยที่ 1 นำรถออกไปซื้อแหนบรถ ไม่ได้อนุญาตให้จำเลยที่ 1 เอารถไปใช้ทำอะไร ๆก็ได้นั้น เห็นว่า ขณะเกิดเหตุ ยังอยู่ในระหว่างจำเลยที่ 1 ปฏิบัติงานของจำเลยที่ 2 ผู้เป็นนายจ้างอยู่ คือกลับจากไปซื้อแหนบรถ การที่จำเลยที่ 1 ฝ่าฝืนคำสั่งนายจ้าง แต่ยังปฏิบัติงานของนายจ้างอยู่ นายจ้างจะอ้างเป็นเหตุไม่ต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกไม่ได้
ประเด็นเรื่องค่าสินไหมทดแทน เห็นว่า ที่ศาลล่างกำหนดให้นั้นเป็นการสมควรแล้ว
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 600 บาทแทนโจทก์