คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1675/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การปกปิดข้อความจริงในเรื่องอาชีพของผู้เอาประกันชีวิตในเรื่องการชำระเบี้ยประกันของผู้เอาประกัน หรือแม้ในเรื่องที่ผู้เอาประกันชีวิตได้เอาประกันชีวิตไว้ก่อนแล้ว ถือว่าเป็นการปกปิดข้อความจริงอันเป็นสาระสำคัญ ซึ่งถ้าบริษัทรับประกันชีวิตทราบความจริงแล้วย่อมจะบอกปัดไม่รับประกัน สัญญาประกันชีวิตเช่นว่านี้เป็นโมฆียะ
การบอกล้างโมฆียะกรรมดังกล่าว กฎหมายไม่ได้บังคับว่าให้บอกล้างกับผู้เอาประกันโดยตรง เมื่อบริษัทผู้รับประกันทราบถึงมูลอันจะบอกล้างได้ ก็ย่อมบอกล้างแก่ผู้ซึ่งจะได้รับประโยชน์ในการประกันจากบริษัทผู้รับประกันได้

ย่อยาว

คดีนี้ศาลแพ่งฟังว่านายฮะผู้เอาประกันชีวิตตามโดยอุบัติเหตุคำขอเอาประกันภัยของนายฮะไม่ได้ปกปิดความจริงดังจำเลยให้การต่อสู้ทั้งจำเลยมิได้บอกล้างกรมธรรม์ภายใน 1 เดือนนับแต่ทราบความจริงคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 60,000 บาท กับดอกเบี้ยให้โจทก์

ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ โดยกลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์

ศาลฎีกาฟังว่าในการที่นายฮะเอาประกันชีวิตรายนี้ ได้มีการปกปิดข้อความจริงในเรื่องอาชีพของนายฮะและเรื่องการชำระเบี้ยประกันของนายฮะ แม้ในข้อที่นายฮะไม่เคยเอาประกันชีวิตไว้ก่อน ก็เชื่อว่ามีการปกปิดเช่นเดียวกัน การปกปิดข้อความจริงดังกล่าวเป็นข้อสาระสำคัญ ซึ่งถ้าบริษัทจำเลยทราบความจริงแล้วย่อมจะบอกปัดไม่รับประกันสัญญาประกันชีวิตรายนี้จึงเป็นโมฆียะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 865

ข้อที่โจทก์เถียงว่า จำเลยต้องบอกล้างโมฆียะกรรมกับนายฮะโดยตรง แต่จำเลยเพิ่งมาบอกล้างกับโจทก์ซึ่งไม่ใช่คู่สัญญากับจำเลยย่อมใช่ไม่ได้ตามกฎหมายนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อนี้กฎหมายไม่ได้บังคับว่าให้บอกล้างกับผู้เอาประกันโดยตรง เมื่อจำเลยทราบถึงมูลอันจะบอกล้างได้เมื่อนายฮะทราบแล้วเช่นนี้ก็ย่อมบอกล้างแก่โจทก์ผู้ซึ่งจะได้รับประโยชน์ในการประกันจากจำเลยได้

Share