คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ถือมีดดาบปลายตัด 1 เล่ม ผู้ตายถือมีดพก 1 เล่ม ระหว่างที่คนทั้งสองนี้เถียงกัน จำเลยที่ 2 ถือขวาน 1 เล่ม เข้ามาทางข้างหลังผู้ตาย แล้วจำเลยที่ 2 เอาหัวขวานตีผู้ตาย ถูกที่ศรีษะด้านหลังตรงระดับหู 1 ที (ตอนนี้ผู้ตายยังไม่ตาย) แล้ว จำเลยทั้งสองฉุดมือกันวิ่งหนี แต่ไปได้ประมาณ 3 วา จำเลยที่ 1ก็สลัดแขนจากจำเลยที่ 2 แล้วจำเลยที่ 1 กลับมาฟันคอผู้ตายอีก 1 ที จำเลยทั้งสองวิ่งหนีไป เมื่อไม่ปรากฎจากข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมคิดกันมาทำร้ายผู้ตาย อาจเป็นกรณีเกิดขึ้นโดยปัจจุบัน จำเลยต่างคนต่างกระทำจึงมีความผิดตามกรรมที่ตนได้กระทำ คือ จำเลยที่ 1 ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา จำเลยที่ 2 ฐานทำร้ายร่างกายมีบาดเจ็บ จะลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานสมคบหรือสมรู้ในการฆ่าคนตายไม่ถนัด เพราะการกระทำของจำเลยที่ 2 มีผลเพียงให้ได้รับบาดแผลเพียงมีบาดเจ็บเท่านั้น

ย่อยาว

เรื่อง ฆ่าคนตายโดยเจตนา
ได้ความว่าขณะนายยมจำเลยโต้เถียงกันนายเหื้อมผู้ตาย โดยนายยมจำเลยหาว่านายเหื้อมลักของนางยิ้มพี่สาวจำเลย นายเหื้อมปฏิเสธว่าไม่ได้ลัก ขณะที่เถียงกัน นายยมจำเลยถือมีดดาบปลาายตัด ๑ เล่ม นายเหื้อมถือมีดพก ๑ เล่ม ระหว่างที่คนทั้งสองเถียงกันนี้ นายวายจำเลยถือขวาน ๑ เล่ม เข้ามาทางข้างหลัง นายเหื้อม แล้วเอาหัวขวานตีนายเหื้อมถูกที่ศรีษะด้านหลังตรงระดับหู ๑ ที แล้ว จำเลยทั้งสองฉุดมือกันวิ่งหนี แต่ไปได้ประมาณ ๓ วา นายยมจำเลยก็สลัดแขนจากนายวาย จำเลยกลับมาฟันคอนายเหื้อมอีก ๑ ที แล้วจำเลยทั้งสองวิ่งหนีไป
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างทั้งสองว่า นายยมจำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.๒๔๙ ลดรับสารภาพกึ่งหนึ่งตาม ม.๕๙ แล้วจำคุก ๑๐ ปี ส่วนนายวายจำเลยสืบไม่สมว่าได้ทำร้ายนายเหื้อมเพื่อป้องกันนายยมจำเลย นายวายจำเลยจึงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.๒๕๔ จำคุก ๒ ปี มีดของกลางริบ
ทั้งนี้โดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อข้อเท็จจริงได้ความดังกล่าวข้างต้น และเมื่อไม่ปรากฎจากข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมติดกันมาทำร้ายนายเหื้อม อาจเป็นกรณีเกิดขึ้นโดยปัจจุบัน จำเลยต่างคนต่างกระทำ จึงมีความผิดตามกรรมที่ตนได้กระทำ จะลงโทษนายวายจำเลยฐานสมคบหรือสมรู้ในการฆ่าคนตายตามที่โจทก์ฎีกามาไม่ถนัด เพราะการกระทำของนายวายจำเลย เพียงมีผลให้นายเหื้อมได้รับบาดแผลเพียงมีบาดเจ็บเท่านั้น

Share